วันนี้ (21 พ.ย.61) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำทีมนักธุรกิจรุ่นใหม่กว่า 30 คน เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค เช่น นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้บริหารธุรกิจด้านอาหาร นายคมสัณห์ ฐานะโชติพันธุ์ น.ส.ธณิการต์ พรพงษาโรจน์ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์
นายณัฏฐพล มั่นใจว่าจะสามารถรักษาพื้นที่ที่นั่งเดิมทางการเมือง 5 - 6 ที่นั่ง และตั้งเป้าคว้าที่นั่งใน กทม. สุงสุดจำนวน 15 ที่นั่ง แต่ก็ไม่ได้ท้าทายเจ้าถิ่นเดิม แต่ย้ำว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่วนการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใน กทม.เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยส่วนตัวมั่นใจคุณภาพของผู้แสดงเจตจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมเปิดตัวในวันนี้ ก็สนใจที่จะรับสมัครเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมยอมรับว่าพื้นที่รอบนอกของ กทม.มีการแข่งขันที่มีความเข้มข้น โดยจากนี้เตรียมวางกลยุทธ์และบุคคลที่จะสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อช่วงชิงในพื้นที่ กทม.
นายณัฏฐพล ยอมรับว่า ถือเป็นความท้าทายสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง แต่พรรคก็เตรียมเสริมทัพด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ ส่วนอดีต สก.ของพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนที่ขณะนี้มาร่วมงานกับพรรรคพลังประชารัฐแล้วด้วยแสดงเจตจำนงว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีมาเพิ่มเติมหรือไม่ คาดว่าภายใน 1 - 2 วันนี้ จะชัดเจนขึ้น ในส่วนของกรุงเทพมหานคร
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์การอนุมัติงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อย เป็นการหวังผลทางการเมืองและเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองใดหรือไม่ว่า ในฐานะประชาชน เห็นว่ามาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดี และมีความจำเป็นเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอายุ และภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี พร้อมเชื่อว่า นโยบายที่ออกมาไม่ได้คิดเมื่อวานและทำวันนี้ แต่ทุกอย่างได้ตรวจสอบ มีการลงพื้นที่และดูสภาพปัญหาจริง สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่และเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลในเรื่องนี้
ส่วนที่ถูกมองว่าจะมีพรรคการเมืองได้ประโยชน์หรือไม่นั้น นายพุฒิพงษ์ ย้ำว่า อยากให้มองที่ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่า และไม่ได้มีการระบุว่าต้องเลือกพรรคใด พร้อมมองว่า หากพรรคใดได้เป็นรัฐบาลก็ควรสานต่อเรื่องนี้ให้สำเร็จ ขณะที่การเลือกตั้งคงไม่ใช่เพียงนโยบาย 1 - 2 เรื่องเท่านั้น แต่หมายถึงภาพรวมของประเทศว่าประชาชนจะตัดสินใจให้ใครมาบริหารต่อไป