กรณีปัญหานายทุนและนักการเมือง ที่อาศัยใบจองหรือ นส.2 ไปออกเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 ก และโฉนดที่ดินในอ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ก่อนที่จะเข้ายึดและฟ้องขับไล่ชาวบ้าน ทั้งที่ได้อาศัยบนพื้นที่มาหลายชั่วอายุคน ชาวบ้านจึงตั้งข้อสังเกตการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ในที่ดินว่า ถูกกฎหมายหรือไม่ และต้องการให้รื้อฟื้นคดี
วานนี้ (25 พ.ย.2561)นายอำเภอท่าอุเทน ตัวแทนสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ตัวแทนสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม และ ชาวบ้านห้วยพระ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ร่วมหารือเพื่อหาทางออก
หลังชาวบ้านอ้างว่า ที่ดินทำกินกว่า 1,000 ไร่ถูกนายทุนและนักการเมือง มายึดครอง โดยอ้างใบจอง หรือนส. 2 เพื่อนำไปออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก ทั้งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
ในการหารือตัวแทนชาวบ้าน อ้างว่า หลายครอบครัวไม่มีที่ดินทำกินเพราะถูกนายทุนเข้ายึดครอง และบางส่วนถูกฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่
นายพงษ์สุวัจน์ ไชยต้นเทือก เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ตัวแทนสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาอำเภอท่าอุเทน ชี้แจงว่า หลายกรณีชาวบ้านและนาย ทุนได้ฟ้องร้องคดีความกันจนถึงศาลฎีกา ซึ่งฝ่ายนายทุนเป็นผู้ชนะคดี เพราะมีเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก แต่ชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดง จึงเป็นเรื่องยาก หากต้องรื้อฟื้นคดี
การออกเอกสารสิทธิ์คลาดคลื่อนบางส่วนจนทับซ้อนกัน ทางกรมที่ดินกำลังพิจารณาตั้งคณะกรรมการตาม ม.61 เพื่อแก้ปัญหา หากพบว่าทับซ้อนกันก็จะเพิกถอน
ทั้งนี้จะมีคณะกรรมการตามกฎหมายอีกรอบหนึ่งเข้ามาดำเนินการ ส่วนเอกชนที่ต่อสู้ในศาลฎีกา คงไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงคำพิพากษาได้
ขณะที่ชาวบ้าน ยืนยันว่า การเข้ามาของนักการเมืองและนายทุนนอกพื้นที่ จะอ้างใบจองแล้วนำไปออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก.ก่อนจะฟ้องขับไล่ชาวบ้าน พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการได้มา ซึ่งเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่มรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทโส้ แต่ก็ไม่เคยได้รับเอกสารสิทธิ์ เพราะบางส่วนอยู่ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน แต่นายทุนกลับสามารถออกนำไปออก นส.3 ก.หรือ โฉนดที่ดินได้