หลังจากที่การประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) พิจารณาและประกาศให้การแสดงโขนในประเทศไทย “Khon masked dance drama in Thailand” ขึ้นบัญชีในรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ
ดร.ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงโขนในประเทศไทย “Khon masked dance drama in Thailand” ผ่านทางเฟซุบุ๊ก Pa Ritta เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า On Thailand Khon masked dance drama being inscribed as intangible cultural heritage of humanity
“โขน” ได้ขึ้นทะเบียนอะไร ?
เมื่อไม่กี่นาทีมานี้ ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างประเทศของส่วนงาน ICH องค์การยูเนสโก ได้พิจารณาและเห็นชอบให้รับรอง โขนในประเทศไทย เป็นตัวแทนของมรดก ICH ของมนุษยชาติ
ในขณะที่ประเทศไทยคงรู้สึกดีใจ และอยากเฉลิมฉลองโอกาสนี้ อยากจะขอให้ช่วยกันให้ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจหน่อย เพราะข้อมูลที่อยู่ในสื่อในขณะนี้ ล้วนแต่ทำการบ้านกันมาน้อยเหลือเกิน
ภาพ : กระทรวงวัฒนธรรม
โขน ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” คนละเรื่องกัน โขนเป็นมรดกที่มีชื่อยาวๆ ว่า Intangible cultural heritage หรือ ICH ซึ่งภาษาไทยแปลว่า มรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญา หรือมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ หรือมรดกวัฒนธรรมที่ไม่เป็นกายภาพ ขอเรียกว่ามรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญา เพราะสั้นที่สุด
มรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญากับมรดกโลกต่างกันอย่างไร?
มรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญากับมรดกโลก มีลักษณะต่างกัน มีกระบวนการต่างกัน และวัตถุประสงค์ของการเกิดขึ้นมาก็ต่างกัน พูดง่ายๆ มรดกโลกเป็นสิ่งก่อสร้าง หรือแหล่งธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับมนุษยชาติ มักจะเป็นโบราณสถาน หรืออาคารสถานที่มีความสำคัญยิ่งยวดในทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ หรือสถาปัตยกรรม และจำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้เพื่อมวลมนุษยชาติ การพิจารณาว่าอะไรเป็นหรือไม่เป็นมรดกโลก จะต้องฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการเป็นหลัก
ส่วนมรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญา เป็นสิ่งที่ไม่เป็นกายภาพชัดเจน แต่เป็นการปฏิบัติ ความรู้ ประเพณี พิธีกรรม การแสดง ดนตรี งานช่าง ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ปฏิบัติในกลุ่มหรือชุมชนเล็กๆ แต่ถ้าชุมชนนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีค่าของเขา ก็สามารถเป็นมรดกของเขาได้
การขึ้นทะเบียนยูเนสโกคืออะไร?
ก่อนอื่นควรจะต้องเข้าใจก่อนว่า มีทะเบียนสองแบบ แบบแรกเรียกว่า Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity ซึ่งหมายถึงรายการหรือทะเบียนของสิ่งที่เป็นตัวแทนของมรดกภูมิปัญญาของมนุษยชาติ คือมรดกที่ยังมีการปฏิบัติอยู่ และเป็นตัวแทนของความหลากหลายในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ส่วนรายการที่สองเรียกว่า List of Intangible Cultural Heritage in Need of Urgent Safeguarding คือมรดกฯที่ต้องมีการส่งเสริมรักษาให้มีการสืบทอดอย่างเร่งด่วน (นอกจากนั้นยังมีอีกรายการหนึ่ง เรียกว่า รายการของกระบวนการและวิธีการส่งเสริมรักษาที่เป็นตัวอย่างที่ดี)
การขึ้นทะเบียน ไม่ใช่การเป็นเจ้าของ?
การขึ้นทะเบียน ไม่ได้แปลว่าประเทศนั้นเป็นเจ้าของ ประเทศอื่นห้ามเป็นเจ้าของอีก การขึ้นทะเบียนแปลว่า แต่ละประเทศเห็นคุณค่า ความสำคัญของมรดกตัวเอง และต้องการจะให้มีการสืบทอด และให้คนอื่นได้รู้จักและชื่นชมด้วย ยูเนสโกสนับสนุนให้ประเทศที่มีมรดกคล้ายคลึงกันขึ้นทะเบียนร่วมกัน เป็นมรดกของหลายๆประเทศร่วมกัน แต่ถ้าไม่สะดวกต่างคนก็ต่างขึ้นของตัวเองได้
ภาพ : กระทรวงวัฒนธรรม
ความแตกต่างโขนไทย-โขนกัมพูชา?
มรดกการแสดงชื่อคล้ายกันของทั้งไทยและกัมพูชา ได้รับการรับรองในคราวเดียวกัน แต่ถ้าหากว่าอ่านเอกสารนำเสนอโดยละเอียดก็จะเห็นว่า การแสดงทั้งสองมีความแตกต่างกัน โขนในประเทศกัมพูชาใช้ชื่อว่า ละคอนโขลวัดสวายอันเด็ท (Lkhon Khol Wat Sway Andet) เป็นการแสดงของชุมชนแห่งหนึ่งห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกราว 10 กม.
ชุมชนนี้เป็นชุมชนเกษตร และทุกปีจะต้องจัดการแสดงละคอนโขน เพื่อบวงสรวง “เนียกตา” ผู้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน ผู้จะบันดาลให้การเพาะปลูกได้ผลดี การแสดงมีลักษณะเป็นพิธีกรรมสูง มีการเข้าทรง และละคอนโขลต้องแสดงจนเป็นที่พอใจของเนียกตา จึงเป็นการแสดงเชิงพิธีกรรมในชุมชนเฉพาะแห่งหนึ่ง และเนื่องจากความระส่ำระสายทางการเมือง ทำให้ผู้แสดงระดับครูมีเหลือไม่มาก ต้องหาทางสืบทอดอย่างเร่งด่วน ดังนั้นจึงขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมฯ ที่ต้องการให้มีการส่งเสริมรักษาอย่างเร่งด่วน
ส่วนโขนในประเทศไทย นำเสนอในลักษณะที่กว้างขวางกว่า เป็นการแสดงที่คลี่คลายมาจากการแสดงในราชสำนัก มาเป็นศิลปะของชาติ ที่มีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้จัดการให้มีการสืบทอดและมีการแสดง และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ยังมีการปฏิบัติอยู่อย่างต่อเนื่อง
ขึ้นทะเบียนแล้วหมายความว่าอย่างไร?
เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว หมายความว่า ประเทศที่นำเสนอมีความรับผิดชอบที่จะสนับสนุนให้มีการสืบทอด ด้วยวิธีการต่างๆ เช่นส่งเสริมให้มีการเรียนการสอน การแสดง การให้ความเข้าใจ การทำให้คนยุคใหม่รู้สึกว่าโขนไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยก สนับสนุนให้มีการค้นคว้า และอื่นๆอีกมากมาย
ขณะที่สิ่งที่สำคัญยิ่งของการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาว่าด้วย ICH ของยูเนสโก คือการเปิดใจให้กว้าง เห็นความหลากหลายของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เห็นว่าสิ่งที่มีค่าของคนแต่ละกลุ่มนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และเกิดความชื่นชมระหว่างกัน ไม่จำเป็นต้องคอยเปรียบเทียบว่าของใครเหนือกว่า สวยงามกว่า หรือเก่าแก่กว่าของใคร