วันนี้ (12 ธ.ค.2561) นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การเมืองจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ส่งผลให้การเลือกตั้งในปีหน้าจะมีเงินสะพัดเป็นพิเศษทั้งค่าใช้จ่ายในการจ้างคนทำป้ายหาเสียง และกิจกรรมอื่นๆ มูลค่าสูงถึง 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. 40,000 ล้านบาท และการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก 40,000 ล้านบาท
สอดคล้องกับ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินว่า การใช้จ่ายเลือกตั้งจะคึกคักขึ้นตั้งแต่ปลายปีไปจนถึงต้นปีหน้า มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 50,000-65,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจากการทำกิจกรรมทางการเมืองทั่วประเทศจะทำให้เม็ดเงินจะกระจายตัวมากกว่าการใช้จ่ายงบประมาณตามปกติ โดยเกิดการกระจายเชิงพื้นที่และท้องถิ่นจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ขณะที่นายธนากร ปุสสวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โอเค อิงค์เจ็ท จำกัด ระบุว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงพิมพ์ให้บริการทำป้ายโฆษณา ให้กับบ้านจัดสรรและธุรกิจร้านนค้าทั่วไปเท่านั้น แต่หลังประกาศเลือกตั้งและปลดล็อคทางการเมือง ก็เริ่มมีพรรคการเมืองติดต่อเพื่อพิมพ์ป้ายหาเสียงเข้ามาจำนวนมาก จึงสั่งเพิ่มเครื่องพิมพ์อีก 4 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่ 42 เครื่อง ทำให้รองรับการพิมพ์ป้ายขนาด 1.2 คูณ 2.4 เมตร ได้วันละ 8,000 แผ่น คาดว่าปีนี้จะมียอดสั่งพิมพ์สูงถึง 100,000 แผ่น โดยราคาเฉลี่ยแผ่นละ 260 บาท