ผลกระทบจากพายุปาบึก ที่มีความเร็วลมแรง ส่งผลให้ เกิดฝนตกหนัก จนกระทบการบิน และต้องประกาศปิดท่าอากาศยาน จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 4 - 5 ม.ค.ทำให้ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ปัญหาดังกล่าวกระทบการจับจ่ายของประชาชนและนักท่องเที่ยว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,000 - 5,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในระยะเวลาสั้น
ขณะที่ นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวประชุมประเมินผลกระทบจากพายุปาบึก ซึ่งยังไม่พบความเสียหายทางอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้น ในพื้นที่ที่มีการปิดสนามบินพร้อมเสนอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ ชี้แจงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชน ที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกอย่างเป็นระบบต่อสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว หลังเหตุการณ์นี้
ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัย จากพายุปาบึกแล้ว เบื้องต้น ให้พนักงานในพื้นที่นำถุงยังชีพไปมอบแก่เกษตรกรและผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ หรือ จุดรวมพลต่างๆ รวมทั้ง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ เช่น ค่าเช่าเรือ ค่าเช่ารถบรรทุก ค่าแรงงาน
หลังสถานการณ์คลี่คลาย ธนาคารจะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูหลังประสบภัย เช่น การมอบเงินเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านหลังใหม่ การซ่อมแซมทรัพย์สินของใช้จำเป็น การซ่อมแซมเครื่องจักรการเกษตร และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องในการให้ความช่วยเหลือกรณีฟื้นฟูหลังประสบภัย รวมทั้งพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้เกษตรกร และผู้ประสบภัย ในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก และให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและฟื้นฟูการประกอบอาชีพเป็นกรณีพิเศษต่อไป