วันนี้ (8 ม.ค.62) เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดเหตุลอบวางระเบิด 2 ครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดแรกเกิดเหตุระเบิดชุดคุ้มครองเส้นทางใน จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่ จ.สงขลา ผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดในรถยนต์ใกล้หน่วยเฉพาะกิจ จ.สงขลา
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเข้าตรวจวัตถุพยานในที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดในรถยนต์ ริมถนน ระหว่างที่ตั้งของสถานีตำรวจภูธรห้วยปลิง กับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตะเวนชายแดน ในหมู่ 3 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาแรงระเบิดทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าเสียหายส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับในบริเวณใกล้เคียงและยังพบสะเก็ดระเบิดกระจายในรัศมีประมาณ 300 เมตร แต่โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ปิดกั้นพื้นที่เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มก่อเหตุเจ้าหน้าที่ยังให้น้ำหนักไปที่การก่อความไม่สงบในพื้นที่ จึงได้เพิ่มการดูแลความปลอดภัยในเส้นทางรอยต่อระหว่าง จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี อย่างเข้มงวด เนื่องจากในเวลาไล่เลี่ยกันได้เกิดระเบิดกับเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยเส้นทางใน ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นาย
เหตุระเบิดในรถยนต์ใกล้ฐานปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่ทำให้ด่านตรวจความมั่นคงทุกแห่งเพิ่มมาตรการเข้มงวด โดยล่าสุด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการป้องกันบริเวณด่านตรวจความมั่นคงและฐานที่ตั้งโดยห้ามไม่ให้มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดในบริเวณใกล้เคียงในขณะเดียวกันก็ขอให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการเรียกสุ่มตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์และตัวบุคคลต้องสงสัยที่เดินทางผ่านด่านมากยิ่งขึ้น
ส่วนพื้นที่ย่านใจกลางเมืองหาดใหญ่ ได้เพิ่มกำลังอาสารักษาดินแดนอำเภอหาดใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทั้งการลาดตระเวนเดินเท้า รวมถึงการจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถสอบวัตถุต้องสงสัย ออกตรวจสอบในพื้นที่ย่านการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งจะตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน รวมถึงสิ่งของที่วางเอาไว้หน้าบ้าน หน้าร้านค้าของประชาชน และประสานความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ ช่วยกันสอดส่องป้องกันเหตุไม่สงบ ไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่
ส่วนที่ จ.ยะลา ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้จัดกำลังดูแลเข้มงวดในเส้นทางเข้าเมือง และใกล้ฐานปฎิบัติการเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายรถยนต์ประกอบระเบิด พร้อมติดตามบุคคลเป้าหมายในคดีความมั่นคง และคดี ป.วิอาญา ด้วยการตรวจสอบบัตรประชาชนผู้ที่ผ่านด่านอย่างละเอียด