7 ม.ค. "ราฮาฟ" ถึงประเทศไทย
น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดิอาระเบีย เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่องบินก่อนจะเดินทางไปประเทศออสเตรเลียเพื่อขอลี้ภัย แต่ถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เวลา 03.04 น. ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัลคูนูน ได้สื่อสารกับโลกภายนอกผ่านทวิตเตอร์ ขณะที่เธออยู่ในโรงแรมที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังหลบหนีจากครอบครัวขณะเดินทางไปประเทศคูเวต ในระหว่างนั้นเธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้เธอถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินกลับไปที่คูเวต
ว่าด้วยอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 และพิธีสารปี 1967 ฉัน ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด กำลังมองหาสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศต่างๆ ที่จะสามารถปกป้องฉันจากการถูกทำร้ายหรือถูกฆ่าโดยครอบครัว เนื่องจากการออกจากศาสนาของฉัน
based on the 1951 Convention and the 1967 Protocol, I'm rahaf mohmed, formally seeking a refugee status to any country that would protect me from getting harmed or killed due to leaving my religion and torture from my family.
— Rahaf Mohammed رهف محمد القنون (@rahaf84427714) 6 January 2019
ฉันขอความคุ้มครองโดยเฉพาะจากประเทศต่อไปนี้ แคนาดา / สหรัฐอเมริกา / ออสเตรเลีย / สหราชอาณาจักร ฉันต้องการจะสอบถามเพิ่มเติม หากมีตัวแทนติดต่อฉันมา
นอกจากนี้ ราฮาฟ ยังคงสื่อสารผ่านทางทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า สถานทูตซาอุดิอาระเบีย พยายามบังคับเธอให้กลับไปประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งตอนนี้เธอรออยู่ที่สนามบิน ส่วนอีกข้อความหนึ่งบอกว่าเธอเคยถูกขู่ฆ่ามาแล้ว และพวกเขาไม่เกรงกลัวที่จะคุกคามเธอในที่สาธารณะ คุณคิดว่าครอบครัวนี้มีความคิดก้าวหน้ามากพอที่จะเจรจาเรื่องทางเลือกในชีวิตหรือ คิดว่าพวกเขามองฉันเป็นสมบัติหรือเป็นทาส

ในช่วงเย็นของวันที่ 7 ม.ค. สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ประสานกับทางการไทย เพื่อขอเข้าพบและพูดคุยกับราฮาฟ เพื่อประเมินว่าเธอเข้าข่ายที่ควรจะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงยืนยันว่าจะไม่มีการบังคับให้หญิงคนนี้เดินทางกลับ นอกจากนี้หากราฮาฟยืนยันที่จะเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียก็จะประสานกับสถานทูตออสเตรเลียให้ หรือหากต้องการขออยู่ในประเทศไทยก็จะช่วยประสานกับ UNHCR เพื่อให้รับคำร้องขอลี้ภัยและพิจารณาให้สถานะผู้ลี้ภัยต่อไป

ภาพ : ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
ภาพ : ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
เวลา 21.00 น. ตัวแทนจาก UNHCR ได้เข้าพบกับราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนูน และพาเธอออกจากโรงแรมที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยตอนนี้เธออยู่ภายใต้การดูแลของ UNHCR
ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า ทางการไทยยังคงดูแลเรื่องความปลอดภัยให้เธออยู่ เบื้องต้นเธอต้องการพักอยู่ในประเทศไทยก่อน เพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัย ก่อนจะเดินทางไปประเทศที่ 3 โดย UNHCR จะใช้เวลา 5 วัน เพื่อพิจารณาให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่เธอ

ภาพ : ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
ภาพ : ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
จากนั้น ราฮาฟ ได้ทวีตข้อความ ระบุว่า รู้สึกปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของ UNHCR นอกจากนี้เธอยังได้หนังสือเดินทางกลับคืนมาแล้ว หลังจากถูกยึดไปเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา
ต่างชาติตอบรับ "ราฮาฟ" มีหวังลี้ภัย
แซราห์ แฮนสัน-ยัง สมาชิกวุฒิสภาเซาท์ ออสเตรเลีย เรียกร้องรัฐบาลออสเตรเลียเร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือ ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัลคูนูน และนำตัวเธอมายังออสเตรเลีย พร้อมทั้งแสดงความกังวลว่าหญิงสาวอาจเผชิญอันตราย หากถูกทางการไทยส่งตัวกลับไปซาอุดิอาระเบีย
สมาชิกวุฒิสภาออสเตรเลีย ยืนยันว่า ราฮาฟมีวีซ่าเข้าออสเตรเลียอย่างถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานข่าวของสื่อตะวันตกที่ระบุว่า เธอมีวีซ่านักท่องเที่ยวแบบเดินทางเข้า-ออกหลายครั้งของออสเตรเลีย นาน 3 เดือน

ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านในวุฒิสภาออสเตรเลีย แสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเปิดเผยว่ากำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการในประเด็นนี้
นายนอเลกซ์ เทิร์นบูลล์ บุตรชาย อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เรียกร้องให้ สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนปัจจุบัน ออกมาให้ความช่วยเหลือและมอบสถานะผู้ลี้ภัย
ส่วนเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ พร้อมทั้งเปิดเผยว่ากำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ไทยและสถานทูตประเทศอื่นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
8 ม.ค. สถานทูตซาอุฯ ปัดยึดพาสปอร์ต
ล่าสุด วันนี้ (8 ม.ค.2562) สถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่า จากกรณี น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน ทางสถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ขอชี้แจงว่าเนื้อหาที่มีการเผยแพร่สื่อโซเชียลมีเดียว่าสถานทูตฯ ได้ทำการยึดหนังสือเดินทางของ น.ส.ราฮาฟ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตามที่ทางการไทยได้ชี้แจงว่า น.ส.ราฮาฟ ถูกกักตัวนั้น เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยหลังการเข้าพบอุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ยืนยันว่า การขอลี้ภัยของน.ส.ราฮาฟ เป็นเรื่องภายในครอบครัว และได้ติดต่อให้บิดา และพี่ชาย เข้ามาพบกับราฮาฟแล้ว แต่ขณะนี้ ราฮาฟ ยังอยู่ในความดูแลของ UNHCR ต้องถามความประสงค์ของก่อนว่าพร้อมให้ครอบครัวเข้าพบหรือไม่ โดยหาก น.ส.ราฮาฟยอมพูดคุย ก็จะให้ทั้งสองฝ่ายได้พบกัน แต่หากไม่ยอมพบ และยังยืนยันขอลี้ภัยก็จะให้ UNHCR เป็นผู้ดำเนินการ