เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.2562) การแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 รอบแรก นัดสุดท้าย ทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่มเอ ที่ก่อนลงสนามมี 3 แต้ม พบกับ จ่าฝูง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งหากทีมไทยเก็บชัยชนะได้ หรือเสมอ จะการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ยังยึดมั่นในระบบ 3-5-2 โดยมีการปรับกองหลังตำแหน่งเดียว ด้วยการเอา มิก้า ชูนวลศรี ลงแทน พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ติดโทษแบน
เริ่มเกมส์มาเพียง 7 นาที เป็นฝั่งเจ้าภาพ ยูเออี ที่ออกนำก่อน จากจังหวะที่ อิสมาอิล อัล ฮัมมาดี้ ได้หลุดเดี่ยวก่อนยิงไปชนคาน บอลกระดอนมาเข้ามา อาลี มับคุต กองหน้าตัวเก่ง ซ้ำเข้าไปไม่พลาด และเป็นประตูที่ 4 ของ มับคุต ในการยิงทีมชาติไทย ใน 3 นัดหลังสุดที่พบกัน
จากนั้นนาทีที่ 30 ทีมชาติไทยต้องเปลี่ยนตัวคนแรก เมื่อ มิก้า ชูนวลศรี มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ มีแผลแตก จากการปะทะกับผู้เล่นยูเออี จนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนจะเป็น เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ที่ลงมาเล่นแทน และเข้าสู่นาทีที่ 41 ทีมชาติไทยที่วิ่งไล่บอล และต่อบอลไล่บุก ตามตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะชุลมุนหน้าประตู ก่อนที่จะเป็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่แหย่เท้าสไลด์บอลเข้าประตู ซึ่งเป็นประตูที่ 6 ในการรับใช้ทีมชาติของเจ้าตัว ก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง โค้ชโต่ย ยังคงยึดรูปแบบการเล่นเดิม ด้วยการเน้นให้ 3 ผู้เล่นแนวรับ ช่วยปิดเกมรุกทั้งจากจังหวะแทงทะลุช่อง รวมถึงปิดเกมรุกริมเส้น และโต้กลับจากวิงแบ็ค คือธีราทร บุญมาทัน และทริสตอง โด ที่คอยจ่ายบอลให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ ธีรศิลป์ แดงดา จนมีโอกาสทำประตูขึ้นนำ แต่ว่าไม่สำเร็จ ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกมส์ ไทย เสมอกับ ยูเออี 1-1 ส่งผลให้ไทย มี 4 แต้ม คว้ารองแชมป์พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที
ขณะที่เจ้าภาพ ยูเออี มี 5 แต้ม ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับที่ 1 ส่วนผลอีกคู่เป็นใจให้กับทีมชาติไทย คือบาห์เรน ชนะ อินเดีย 1-0 มี 4 แต้มเท่ากับไทย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง แต่ผ่านเข้ารอบด้วยผลงานอันดับ 3 ที่ดีสุด 4 จาก 6 กลุ่ม แน่นอนแล้ว เพราะอันดับที่ 3 ในอีก 4 กลุ่ม มี 0 แต้ม ต่อให้ชนะก็ไล่บาห์เรนไม่ทัน
ทั้งนี้ ถือว่า ทีมชาติไทย กลับมาผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ เอเชียนคัพ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1972 (พ.ศ.2515) หรือ 47 ปี ที่ไทยเป็นเจ้าภาพและคว้าอันดับ 3 (ตอนนั้นมีแข่งกันแค่ 6 ทีม) ส่วนแชมป์ตอนนั้นเป็นอิหร่าน
นักเตะยกความสามัคคีพาทีมไทยบรรลุเป้าหมาย
หลังทีมฟุตบอลไทยสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ามาเล่นรอบน็อกเอาท์ในรายการชิงแชมป์ทวีป ครั้งแรกในรอบ 47 ปี ซึ่ง ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม และชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะคนสำคัญของทีมชุดนี้ ชื่นชมสปิริตและความสามัคคีของนักเตะทุกคน ที่ช่วยฝ่าฝันอุปสรรค พา "ช้างศึก" ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบพลิกความคาดหมาย
ขณะที่ "โค้ชโต่ย" ที่เข้ามารับตำแหน่งโค้ชรักษาการ ก่อนจารึกชื่อเป็นโค้ชไทยคนแรกที่พาทีมผ่านเข้าถึงรอบน็อกเอาท์ ชื่นชมลูกทีมทุกคน ที่มุ่งมั่นพาทีมมาถึงเป้าหมาย ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนเกมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไม่ว่าจะเจอใครถือว่าหนักทุกทีม แต่จะทำการบ้านศึกษาคู่แข่งเต็มที่ โดยไม่มีแรงกดดันเพราะเกมนัดต่อไปถือเป็นกำไร เนื่องจากทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว
วิเคราะห์คู่แข่งรอบ 16 ทีมสุดท้ายของไทย
จากโปรแกรมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ฝ่ายจัดการแข่งขันวางไว้ ไทยในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอ จะเข้าไปเจอกับ รองแชมป์ของกลุ่มซี ซึ่งสถานการณ์ของกลุ่มซี ในตอนนี้ จีน กับ เกาหลีใต้ ผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว เนื่องจากชนะมา 2 นัด มี 6 แต้มเท่ากัน และจะลงเตะตัดสินตำแหน่งแชมป์กลุ่มในวันที่ 16 มกราคมนี้ เวลา 20.30 น.
สำหรับทีมชาติจีน ภายใต้การดูแลของ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ โค้ชมากประสบการณ์ชาวอิตาลี ที่ผ่านงานคุมทีมดังมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ ยังเคยคุมทีมบ้านเกิดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 ส่วนนักเตะนำทีมโดย หวู เล่ย ดาวยิงวัย 27 ปี ที่ยิงคนเดียว 2 ลูก ช่วยให้ทีมบุกมาชนะ ไทย ถึงถิ่น ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่ง 25 ครั้งที่พบกัน ไทย ชนะ 5 เสมอ 3 และแพ้ไปถึง 17 นัด
ส่วนเกาหลีใต้ ทีมเต็ง แม้ผลงาน 2 นัดแรกในทัวร์นาเมนท์นี้จะไม่ค่อยดีนัก ชนะทีมรองอย่าง ฟิลิปปินส์ กับ คีร์กิสถาน ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้ง 2 เกม แต่ล่าสุด ซอน เฮือง มิน ดาวยิงดีกรีพรีเมียร์ลีก ได้เดินทางไปถึง ยูเออี เพื่อช่วยทีมบ้านเกิดลงแข่งขันชิงแชมป์ทวีป และจะทำให้ เกาหลีใต้ น่ากลัวขึ้นกว่าเดิมแน่นอน สำหรับสถิติ ไทย กับ เกาหลีใต้ พบกันทั้งหมด 72 ครั้ง ไทย ชนะ 12 เสมอ 13 แพ้ 47
ทีมชาติไทย จะลงเตะรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 20 มกราคมนี้ เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีมชาติไทย พบ ยูเออี นัดชี้ชะตา "เอเชียนคัพ 2019"
ไทย เฉือน ชนะ บาห์เรน 1-0 ประตู ลุ้นเข้ารอบ 16 ทีม
“เป็นกำลังใจให้ทีมชาติไทยเสมอ” ราเยวัช กอดลาช้างศึก
ปลด "ราเยวัช" พ้นกุนซือ หลังไทยพ่าย อินเดีย 1-4