วันนี้ (6 ก.พ.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ไฟไหม้บ้านชาวมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ทำให้ชาวมอแกนกว่า 200 คน ต้องอพยพไปอาศัยที่อาคารเรียน และเต็นท์ชั่วคราว จนกว่าจะมีการสร้างบ้านใหม่ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่แล้ว
จากท่าเรือทับละมุ ต้องใช้เวลาเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ตเกือบ 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ที่ตั้งของหมู่บ้านชาวมอแกนที่ถูกไฟไหม้ เป็น 1 อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการสร้างบ้านใหม่ให้ชาวมอแกนผู้ประสบเหตุไฟไหม้เป็นไปด้วยความยากลำบาก
ซารามุ กล้าทะเล ชาวมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา หนึ่งในผู้ได้รับความเสียหาย จากเหตุไฟไหม้ ระบุว่า บ้านอยู่ห่างจากบ้านต้นเพลิงไม่ถึง 10 เมตร และในวันเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ส่งผลให้ทรัพย์สิน เสื้อผ้า และเครื่องมือเลี้ยงชีพที่หามาทั้งชีวิต หายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที มีดและตะไบเป็นสิ่งของเพียงไม่กี่อย่างที่ยังคงเหลืออยู่
หลังเหตุการณ์ไฟไหม้ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพไปอาศัย ในที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หลังจากนั้นได้ย้ายกลับมาที่หมู่บ้าน โดยผู้หญิงและเด็ก อาศัยอยู่ในอาคารของโรงเรียน ส่วนผู้ชายและบางครอบครัว พักอาศัยอยู่ในเต้นท์ ที่ทางการนำมาให้ แต่จำนวนที่พักอาศัยก็ยังไม่เพียงพอ
หลังจากเมื่อวานนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐ และชาวมอแกน ได้ร่วมกันเก็บกวาดพื้นที่ วันนี้เริ่มมีการพูดคุย เพื่อวางแผนเตรียมการสร้างบ้านใหม่
ไมตรี จงไกรจักร ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวเล ระบุว่า วันนี้เครือข่ายชาวเล ได้เดินทางมาร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เพื่อในการสร้างบ้านนั้นสอดคล้องกับวิถีชีวิตเดิม
แผนในการสร้างบ้านใหม่ คาดก่อสร้างประมาณ 2 เดือน จึงจะแล้วเสร็จทั้งหมด แต่ชาวเลอย่างพวกเราต้องการบ้านที่มากกว่าบ้าน มีการปรับผังชุมชน และอาจให้ชาวบ้านมาร่วมออกแบบ
ส่วนเรื่องของอาหารตอนนี้ ถือว่ายังมีเพียงพอ หลังจากมีการตั้งโรงครัวพระราชทาน สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคสิ่งของอาจจะต้องประสานทางจังหวัด หรือทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ