วันนี้( 13 ก.พ.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาเภสัชกรรม ได้ออกแถลงการณ์เรื่องยกระดับการควบคุมพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต ให้เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ภายในปี 2562 ซึ่งลงนามโดย รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม ระบุถึงพิษร้ายแรงของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิด ประกอบกับปัจจุบันมีหลายประเทศที่ได้ยกเลิกการใช้แล้ว และมีตัวอย่างมากมายของการทำเกษตรกรรมที่ได้ผลผลิตสูงโดยไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชดังกล่าว
โดยสภาเภสัชกรรม มีมติขอเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย พิจารณายกระดับการควบคุมพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต ให้เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 และยกเลิกการใช้สารที่มีพิษสูงทั้งสามภายในปีนี้ เพื่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค โดยเฉพาะทารกและเด็กในอนาคต
จากการศึกษาข้อมูลวิชาการที่น่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ สภาเภสัชกรรมได้พิจารณาหลักการควบ คุมวัตถุอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต สำหรับประเทศไทย โดยคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาประเทศ พร้อมกับคุณภาพชีวิตของประชาชน สรุปเป็น 3 ประการ ดังนี้
- หลักการป้องกันไว้ก่อน ซึ่งเป็นหลักการสากลในการพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย
- เกษตรกรควรมีสิทธิและทางเลือกที่จะทำเกษตรกรรมที่ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพของตนเอง และผู้บริโภค
- นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ประเทศในการพัฒนาการเกษตรกรรมของไทย เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์“เกษตรกรมั่นคง ภาคการเกษตรมั่งคั่ง ทรัพยากรการเกษตรยั่งยืน”
จากหลักการทั้ง 3 ข้อ สภาเภสัชกรรม จึงขอเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายที่จะกำหนดมาตรการในการควบคุมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว โดยขอให้ยกระดับการควบคุม พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต ให้เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ด้วยเหตุผลที่สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้งสามชนิดมีพิษสูง เข้าข่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 รายละเอียดสรุปข้อมูลของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ดังนี้
พาราควอต
เป็นสารที่มีพิษเฉียบพลัน ได้รับเพียงเล็กน้อย 1-2 ช้อนชา ก็อาจถึงแก่ชีวิต มีงานวิจัยมากมายแสดงว่า พาราควอตเข้าสู่สมองมนุษย์ได้ และทำลายสมองโดยการสร้างสาร ∝-synuclein เช่นเดียวกับที่พบในสมองของผู้ที่ตายจากการได้รับพาราควอตและผู้ป่วยอัลไซม์เมอร์ จากการศึกษาหาปริมาณพาราควอตในคนไทย พบทั้งเลือดหญิงตั้งครรภ์ เลือดจากสายสะดือ และขี้เทาทารกแรกเกิด และพบปริมาณสารนี้ในสิ่งแวดล้อม น้ำ พืช อาหาร
นอกจากนี้ ยังพบว่า สามารถทำการเกษตรกรรมที่ไม่ใช้พาราควอตและได้ผลผลิตสูงแม้ในระดับเกษตรอุตสาหกรรมในต่างประเทศยกเลิกการใช้พาราควอต จำนวนกว่า 53 ประเทศ รวมทั้ง จีน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพาราควอตที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
คลอร์ไพริฟอส
เป็นสารที่มีผลการวิจัยจำนวนมากที่แสดงว่า มีผลต่อสมองเด็ก ทำให้เกิดการเรียนรู้ช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบคลอร์ไพริฟอสในสิ่งแวดล้อม จากการศึกษาในคนไทยพบปริมาณคลอร์ไพรีฟอสในเลือดหญิงตั้งครรภ์และในสายสะดือของทารก
นอกจากนี้ ยังพบว่า สามารถทำการเกษตรกรรมที่ไม่ใช้คลอร์ไพริฟอสและมีผลผลิตสูงได้ แม้ในระดับเกษตรอุตสาหกรรมหลายประเทศที่ยกเลิกการใช้สารนี้แล้ว และต้นเดือนสิงหาคม 2561 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐสั่งสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ให้ห้ามขาย คลอร์ไพริฟอส ภายใน 60 วัน
ไกลโฟเสต
เป็นสารพิษที่ International Agency for Research on Cancer (IARC) ได้จัดเป็นกลุ่มที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง (Group 2A)ผลการวิจัยที่ผ่านมา พบไกลโฟเสตตกค้างในซีรัมของแม่ และสายสะดือของทารก ในมารดาที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับบริเวณที่มีการฉีดพ่นไกลโฟเสต ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศได้ยกเลิกการใช้สารนี้ และจากข้อมูลล่าสุด บริษัทไบเออร์มอนซานโตในเยอรมัน แพ้คดีจากการฟ้องร้องของผู้ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากไกลโฟเสต และมีกรณีฟ้องร้องถึงเกือบหมื่นกรณี
โดยวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) จะมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อพิจารณาคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เสนอให้มีการยกเลิกการใช้พาราควอต ภายใน 1 ปี หากไม่มีการดำเนินการ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถเสนอต่อรัฐบาลให้มีการดำเนินการตามคำวินิจฉัย หรือส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จี้รัฐบาลยุติ 3 สารเคมี-เปิดชื่อเอกชนเอี่ยวผลประโยชน์
เปิดใจ คนเปื้อนสาร (พิษ) จนเสียขา