วันนี้ (26 ก.พ.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เข้าร่วมโครงการอบรมเจ้าพนักงานสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวน หรือดำเนินคดีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยมอบนโยบายย้ำให้ทำหน้าที่ให้เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามหลักนิติธรรม
ประธาน กกต.กล่าวว่า ขอให้ยึดมั่นในความเป็นกลาง ถูกต้อง กล้าหาญ ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันหรืออิทธิพลใด และขอให้เชื่อมั่นใน "อิทธิพร" หรือถ้ามีอิทธิพรอย่ากลัวอิทธิพล ขอให้ยึดมั่นในตัวบทกฎหมายเป็นเครื่องชี้นำทาง และดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย หลักนิติธรรม ความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ จะส่งผลให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความมั่นใจมีประสิทธิภาพ เป็นที่รักนับถือจากทุกฝ่าย
ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในอดีต คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 200 สำนวน ศาลสั่งยกคำร้องไป 180 เรื่อง แต่การสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีการเลือกตั้งครั้งนี้มีออปชันเพิ่มขึ้น มีทั้งกฎหมายคุ้มครองพยาน และสินบนรางวัลจูงใจให้ประชาชนนำเงินซื้อเสียง 1,000-2,000 บาท มาแลกเงินแสน ตลอดจนอำนาจในการส่งสำนวนไต่สวนไปให้อัยการดำเนินคดีอาญาได้เลย โดยไม่ต้องไปแจ้งความที่ สน. เท่ากับว่าคดีจะเสร็จสิ้นภายใน 3-5 เดือน
นอกจากนี้ กฎหมายยังให้ถือสำนวนไต่สวนของ กกต.เป็นหลักในการแจกใบเหลือง ใบแดงของศาล หรือให้ศาลสั่งจ่ายค่าเลือกตั้ง โดยไม่ต้องฟ้องดำเนินคดีทางแพ่ง หากผู้ชนะการเลือกตั้งถูกศาลตัดสินว่าทุจริตและสั่งให้เลือกตั้งใหม่ภายในเวลา 6 เดือน จะตกจากเก้าอี้ ส.ส.กลายเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 10 ล้านบาท