นายกฯ สั่งเข้มกฎหมายช่วงสงกรานต์

ภูมิภาค
27 มี.ค. 62
06:57
1,833
Logo Thai PBS
นายกฯ สั่งเข้มกฎหมายช่วงสงกรานต์
นายกรัฐมนตรี สั่งเข้มกฎหมายจราจรช่วงสงกรานต์ เตือนคึกคะนองเมาแล้วขับ-นั่งไปด้วยแต่ไม่ปรามเจอโทษ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดความเร็วของรถใช้ถนน 304 นาดี-วังน้ำเขียว ลดอุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้มาถึงส่วนตัวมีความเป็นห่วงกังวลปัญหาการจราจรช่วงวันหยุดราชการ ซึ่งได้มีการทำถนนไปหลายเส้น ทำรถไฟไปหลายสาย แต่ยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี ในการทำเรื่องเหล่านี้ เพื่อลดปัญหาการจราจรในต่างจังหวัดเพื่อไม่ให้รถติด ส่วนนี้เป็นการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง

ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายแม้ว่ามีกฎหมายทุกตัวแต่ก็ยังมีปัญหาสูญเสียเพิ่มขึ้นทุกปี ต้องมาย้อนมาดูว่า บกพร่องที่กฎหมายหรือไม่ ถ้ากฎหมายมีสมบูรณ์แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรมาดูในส่วนที่การบังคับใช้กฎหมายว่ามีการปล่อยปะละเลย มีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ต้องเข้าไปแก้ส่วนนี้ รวมถึงประชาชนเคารพกฎหมายหรือไม่ส่วนนี้สำคัญ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 62 โดยใช้มาตรการลงโทษผู้ขับรถที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งในเรื่องทรัพย์สินของประชาชนและอื่นๆ ด้วยการลงโทษทางอาญาและเตือนผู้ที่ขับรถด้วยความคึกคะนอง ดื่มสุราขณะขับรถ แม้กระทั่งคนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ต้องถูกพิจารณาโทษด้วย เพราะไม่ห้ามปราม ขณะที่ผู้ที่ขับรถโดยสาร รถแท็กซี่ ต้องไม่ขับรถด้วยความประมาท และควรปฏิบัติทั้งช่วงสงกรานต์และวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่มีการเดินทางหนาแน่น

 

กำหนดความเร็วใช้ถนน 304 นาดี-วังน้ำเขียว 

 

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพการจราจรและการปรับปรุงถนนสาย 304 กบินบุรี-วังน้ำเขียว-ปักธงชัย ช่วงก่อสร้างทางบริเวณเขาโทน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และรอยต่อ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หลังพบว่าจุดนี้อันตรายและจุดเสี่ยงเพราะเป็นทางโค้ง ทางลงเขา

คณะทำงานได้นำผลการตรวจสอบมาประเมินจัดทำเป็นมาตราการลดอุบัติเหตุจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ประชาชนใช้เดินทางกลับภูมิลำเนา โดยกำหนดความเร็วรถบรรทุกรถโดยสารประจำทางให้ใช้ความเร็ว 40 กม./ชม. ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ความเร็วได้ 60-65 กม./ชม.

ทั้งนี้ หากไม่ทำตามเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และมีมาตรการที่ชัดเจนให้หน่วยงานรับผิดชอบดูแลร่วมกับจิตอาสาจราจรเครือข่าย

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง