จากกรณีเพจเฟซบุ๊กจิตอาสา Go Eco Phuket เผยแพร่คลิปความยาว 2 นาทีเป็นภาพมัคคุ เทศก์นำดอกไม้ทะเล กอขนาดใหญ่ขึ้นมาจากนั้นนำปลาการ์ตูนมาวาง และให้นักท่องเที่ยวชาวจีน สัมผัสอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงตื่นเต้นของนักท่องเที่ยว 3 คน ที่รายล้อมสัมผัสดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูน โดยมีเสียงอุทานตลอดว่า นีโมๆ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้เห็นคลิปในโลกโซเชียลเ็นอย่างมาก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและชีวิตสัตว์ทะเลเป็นอย่างมาก
วันนี้ (29 เม.ย.2562) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามคดีไกด์ทัวร์ นำดอกไม้ทะเล โชว์นักท่องเที่ยวชาวจีน จ.ชลบุรี ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ที่ 2 (ชลบุรี) ได้แจ้งความกับ สภ.สัตหีบ ดำเนินคดีกับ นายเอกวัฒน์ มีเต็ม อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โดยผู้กระทำผิดมามอบตัวเอง พร้อมรับสารภาพว่า กระทำผิดจริง จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แล้วถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 4 และ 16 ห้ามผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากดอกไม้ทะเลอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง และความผิดภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558
ผู้กระทำผิดได้ยอมรับว่าไม่ได้มีหน้าที่เป็นไกด์ แต่มีเพื่อนแนะนำให้พาเพื่อนที่เป็นชาวจีนไปเที่ยวบริเวณเกาะยอ ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวจะดำเนินคดี และสอบสวนในส่วนข้อหาเป็นไกด์เถื่อน นำนักท่องเที่ยวชาวจีน 6-7 คน ขึ้นเรือประมงไปตกปลาและท่องเที่ยวเกาะ
ขณะเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่ ทช. ลงดำน้ำจุดดังกล่าวตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับปะการัง ดอกไม้ทะเล และสัตว์ทะเลแล้ว โดยเฉพาะการทิ้งสมอของเรือประมงทับและทำลายปะการังหรือไม่
ภาพ:กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
นายจตุพร ยืนยันว่า การเคลื่อนย้ายดอกไม้ทะเลและการจับปลาการ์ตูนไม่สามารถทำได้ เพราะอาจทำให้เกิดการตาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลได้ นอกจากนี้ ยังขอขอบคุณประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาและเป็นเครือข่ายนำข้อมูลหรือเหตุร้ายที่มีต่อทรัพยากรทางทะเลมาแจ้ง โดยทช.จะดำเนินคดีทุกการกระทำผิดในทะเลอย่างจริงจังต่อไป
ขอฝากเตือนอย่าได้การกระทำในลักษณะนี้อีก โดยจะใช้คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญ และอยากให้เป็นคดีสุดท้ายที่เกิดกับทรัพยากรทางทะเล
ด้านนายเอกวัฒน์ ยอมรับว่าขณะดำน้ำที่ความลึกประมาณ 1 เมตรครึ่ง เห็นดอกไม้ทะเล 2 ต้นอยู่ในน้ำใกล้ชายฝั่ง จึงหยิบขึ้นจากน้ำเพื่อจะเคลื่อนย้ายไปสู่บริเวณน้ำที่ลึกขึ้น
นอกจากนายเอกวัฒน์จะถูกดำเนินคดีในข้อหาจับสัตว์สงวนแล้ว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังประสานให้ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบด้วยว่า มีพฤติการณ์เป็นไกด์นำเที่ยวด้วยหรือไม่ หากเข้าข่ายจะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกข้อหา เพราะดำเนินการธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทช.สั่งจับไกด์มือบอนล่า "ดอกไม้ทะเล" สัตว์ป่าคุ้มครองเกาะยอ