วันนี้ (10 พ.ค.2562) หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน จากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 10 พ.ค.นี้ตามเวลาในสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.00 น.ตามเวลาในไทย
ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการช็อกโลก เพราะก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ และจีนมีเปิดเจรจามาแล้ว 3 เดือน คาดว่าจะจบลงด้วยดี แต่ล่าสุดสหรัฐฯ กลับขึ้นภาษีคิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุการณ์นี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกและเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ จากเดิมที่ขยายตัวร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 2-2.5
ผลกระทบครั้งนี้ จะทำให้สินค้าจีนที่ส่งไปสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้น แข่งขันยากและทำให้จีนผลักดันสินค้ามายังตลาดเอเชียและอาเซียน รวมทั้งไทยมากขึ้น โดยใช้ราคาแข่งขัน และทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 6.4
ส่วนไทยได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะส่งสินค้าวัตถุดิบไปยังจีนเพื่อผลิตส่งต่อไปสหรัฐฯ เช่น ยาง เม็ดพลาสติก ผลไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อจีนได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี จะชะลอคำสั่งซื้อจากไทยด้วย ซ้ำเติมปัญหาส่งออกไทยที่ติดลบมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 คาดว่าจะทำให้การส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวติดลบร้อยละ 1 ถึง 1 ต่ำกว่ากระทรวงพาณิชย์ประเมินที่ร้อยละ 8
เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยลดลงด้วย ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3.5 เพราะการส่งออกและการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวลานี้
ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ มีทีมเศรษฐกิจที่เป็นมืออาชีพเพื่อแก้ไขสถานการณ์เวลานี้ ผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ นอกจากนี้ยังต้องดูแลค่าบาทไม่ให้ผันผวน ส่วนในประเทศควรส่งเสริมการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว เร่งจัดซื้อจัดจ้างโครงการส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการจ้างงาน และดูแลสินค้าเกษตรให้เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกไทยจะไม่ขยายตัวติดลบ พร้อมยืนยันมีแผนผลักดันการส่งออกรองรับไว้แล้ว โดจะประชุมทูตพาณิชย์ในสิ้นเดือน พ.ค.นี้