ก่อนจะประชุมใหญ่วันที่ 15 พ.ค.นี้ แคนดิเดตหัวหน้าพรรคทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแสดงวิสัยทัศน์นอกรอบต่อสมาชิก เพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงมติไปแล้ว
แนวทางของผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแต่ละคน แม้ยังไม่ฟันธงชัดแต่ 3 ใน 4 คน คือนายกรณ์, นายอภิรักษ์ และนายพีระพันธุ์ มองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยส่งสัญญาณผ่านการแสดงวิสัยทัศน์นอกรอบโดยเฉพาะนายอภิรักษ์ และนายพีระพันธุ์ ที่ประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีหากได้ร่วมรัฐบาล และมีเพียงนายจุรินทร์เท่านั้น ที่ไม่แสดงท่าทีใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล
แต่จุดร่วมที่ปรากฏในวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือการแสดงเจตนาที่จะฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 และสิ่งที่ผู้อาวุโสของพรรคอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง แสดงความเป็นห่วงคือเรื่องความขัดแย้งและปัจจัยภายนอกที่พยายามเข้ามาครอบงำ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกคน เชื่อมั่นว่า การพิจารณาเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่จะไม่ทำให้พรรคเกิดการแบ่งฝ่ายกัน และชี้ว่า การตัดสินใจทางการเมือง จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับฝ่ายใด ขึ้นอยู่กับมติพรรคโดยคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะชี้ขาด
การลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในที่ประชุมใหญ่ วันที่ 15 พ.ค.นี้ ถ้ากางข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ จะเห็นว่า อำนาจการลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น น้ำหนักคะแนนอยู่ที่สัดส่วนของ ส.ส. ถึงร้อยละ 70 และ ส.ส.ของพรรคจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด มีจำนวน 52 คน เมื่อเทียบจากตัวบุคคล จะมี ส.ส.เขต 33 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน โดย ส.ส.เขตส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก็เป็นบุคลากรในระดับแกนนำพรรค ผู้อาวุโสของพรรค และส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์