วันนี้ (16 พ.ค.2562) นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวในรายการห้องข่าวกรุงเทพธุรกิจถึงประเมินธุรกิจสื่อในเครือเนชั่น โดยยอมรับว่าสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อเก่าที่น่าเป็นห่วง และจากพฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนไปของคนไทย ซึ่งใช้ช่องทางสื่อใหม่มากขึ้นเช่นเดียวกับงบโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ปรับลดลงเรื่อยๆ ทำให้ต้องประเมินแนวทางทำธุรกิจใหม่
ซึ่งหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น จากการวิเคราะห์ พบว่าผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือพิมพ์ แต่เป็นการอ่านเนื้อหาออนไลน์ และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ขายปลีกได้น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้กับกลุ่มธุรกิจใหญ่ เช่น เครือโรงพยาบาล หรือสายการบิน ประกอบกับต้นทุนการผลิตสูง แต่ขายได้ในราคาต่ำ จึงตัดสินใจยุติการพิมพ์ โดยจะวางขายฉบับสุดท้าย ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้
แต่จะไม่มีการเลิกจ้างกองบรรณาธิการ เนื่องจากจะปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์ม เป็นการนำเสนอผ่านนิวมีเดียเต็มรูปแบบ เริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ รวมทั้งจะจัดทำเนื้อหาในภาษาจีนเพิ่มอีก 1 ภาษา โดยจะเริ่มในช่วงเดือนต.ค.นี้
เลิกจ้างฝ่ายข่าว 27 คน
ส่วนโทรทัศน์ดิจิทัล ที่ต้องคืนช่อง 26 เนื่องจากไม่มีความถนัดในการทำรายการเนื้อหาวาไรตี้ ซึ่งต้นทุนสูงและการขาดทุนส่วนใหญ่ของเครือเนชั่น เกิดจากทีวีดิจิทัล ดังนั้นจึงคืนช่องวาไรตี้ และเน้นทำเพียงช่องเนชั่น 22 เพียงช่องเดียว
ขณะที่ช่องจีเอ็มเอ็มทีวี 25 แม้จะไม่คืนใบอนุญาต แต่มีรายงานว่า มีการปรับลดพนักงาน โดยยกเลิกการผลิตรายการข่าว ซึ่งมีรายงานว่า นายสถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจีเอ็มเอ็ม ชาแนล จำกัน ซึ่งบริหารสถานี GMM 25 ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ได้ยุติการผลิตรายการข่าวทั้งหมด โดยข่าวเช้าจะออกอากาศวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ส่วนข่าวเที่ยงและข่าวเย็น จะออกอากาศถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เนื่องจากทางช่องไม่ชำนาญด้านรายการข่าว ทั้งนี้พนักงานฝ่ายข่าวส่วนหนึ่งจะปรับไปทำงานด้านอื่น โดยจะเลิกจ้าง 27 คน ซึ่งจะเยียวยาตามกฎหมาย