วันนี้ (29 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 28 พ.ค.2562 ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ประเทศลาว นายสิงเพ้ด บุญสะหวัดทิพัน รองประธานการตรวจสอบรัฐบาลลาว ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึงผลการสอบสวนสาเหตุ เหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของโลก กรณีโครงการเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย เมืองสนามไซ แขวงอัตตะปือแตก ทำให้ผู้มีผู้เสียชีวิต 40 คน และสูญหาย 66 คน เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2561 ว่า รัฐบาลลาวได้ตั้งคณะทำงานจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างเขื่อนระดับโลก เข้ามาสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุเขื่อนแตก ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.2561 เพื่อหาสาเหตุการแตกของสันเขื่อน D ที่ทรุดลงมาให้เกิดความโปร่งใส และการสอบสวนดำเนินคู่ขนานไปกับ บริษัท SK Engineering & Construction ผู้รับเหมาก่อสร้างเขื่อนจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน
จากผลการสอบสวนเกือบ 7 เดือน พบว่าการแตกพังของสันเขื่อน D อยู่ในช่วงของการเก็บกักน้ำเข้าอ่าง ถึงจะมีฝนตกหนักติดต่อกันก่อนที่สันเขื่อนจะแตกก็ตาม แต่ในเวลาที่แตกพัง ระดับกักเก็บน้ำในอ่างยังต่ำกว่าระดับของสันเขื่อนมาก จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่ทำให้สันเขื่อนพังลงมาได้ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาการก่อสร้าง
ทีมผู้เชี่ยวชาญยังตรวจพบว่า ต้นเหตุของการแตกพังเกี่ยวกับความสามารถของการซึมซับน้ำของฐานสันขื่อน ทำให้ชั้นดินถูกกัดเซาะได้ง่าย และยังพบว่ามีรู หรือช่องว่างเล็กๆ จำนวนมากในชั้นดิน ประกอบกับระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเกิดให้น้ำซึม ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะที่รากฐาน จึงทำให้ดินอ่อนตัวลง ไม่มีประสิทธิภาพในการรับน้ำ ในที่สุดจึงทำให้เขื่อนพังลงมา มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วม 6 หมู่บ้านท้ายเขื่อนอย่างรวดเร็ว โดยที่ชาวบ้านไม่สามารถรับมือได้ เป็นเหตุมีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก
บริษัทก่อสร้างเขื่อนเกาหลีใต้แย้งผลสอบลาวขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์?
ขณะที่บริษัท SK Engineering & Construction ผู้รับผิดชอบสร้างเขื่อน และถือหุ้นมากถึงร้อยละ 25 ไม่เห็นด้วยกับผลการสืบสวนที่รัฐบาลลาวออกมาแถลง ย้ำว่าเป็นการสอบสวนที่ขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกาหลี ใต้ก็ทำการศึกษาสาเหตุเหมือนกัน โดยการร้องขอของรัฐบาลลาว และมีทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเหมือนกัน และที่บอกว่าสาเหตุมาจากการซึมของน้ำที่ทำให้ชั้นดินถูกกัดเซาะ ยืนยันว่าไม่เห็นหลักฐาน และโต้แย้งว่าถ้าดินถูก
กัดเซาะและพังกร่อนลง ก็ต้องเห็น เพราะตะกอนดินมากมายทับถมอยู่ที่ก้นเขื่อนแล้ว
เครือข่ายจับตาการลงทุนในเขื่อนลาว จี้ ลาว-เกาหลีใต้รับผิดชอบ หยุดเดินหน้าสร้างเขื่อนต่อ?
นางเปรมฤดี ดาวเรือง เครือข่ายการจับตาการลงทุนสร้างเขื่อนในลาว เปิดเผยกับทีมข่าวไทยพีบีเอสถึงรายงานการสอบสวนฉบับนี้ว่า ลาวยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ามีประเด็นอื่นๆ อีกไหม ที่จริง
หลายฝ่ายก็รอดูรายงาน
การแถลงที่ออกมาเป็นระยะ ชี้ไปในแนวทางว่าการก่อสร้างมีปัญหา แต่ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทและรัฐบาลเกาหลีอาจไม่เห็นพ้องกับรัฐบาลลาว ที่สำคัญ เขื่อนยังคงสร้างต่อไป
คำถามคือว่า ถ้าเขื่อนมีปัญหาถึงโครงสร้าง ให้แค่ซ่อมและเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร แล้วความเสี่ยงจะทำอย่างไรยังไม่มีใครตอบหรือรับประกันทั้ง 3 ฝ่าย คือรัฐบาลลาว บริษัทเกาหลีใต้ และรัฐบาลเกาหลีใต้ ยังไม่มีใครตอบชัดเจน
ขณะเดียวกัน เขื่อนแตกครั้งนี้ ยังกระทบชาวบ้านในกัมพูชาด้วย ชาวบ้านก็รอฟังข่าวอยู่ เพราะผลการตรวจสอบจะเกี่ยวกับการชดเชยให้กับชาวบ้านกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน