วันนี้ (4 มิ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 4 ชาติ ร่วมเเถลงความพร้อม ก่อนลงเเข่งฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ที่สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ นำโดย ทีมชาติไทย, เวียดนาม, อินเดีย เเละกือราเซา ไฮไลต์ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ อยู่ที่การพบกันระหว่าง ไทย อันดับ 112 ของโลก พบ เวียดนาม อันดับ 98 ของโลก เจ้าของเเชมป์อาเซียนทีมล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งเเรกในรอบ 3 ปีของทั้ง 2 ทีมที่พบกันตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์
เกมนี้ โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดหญ้าไทย จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ถอนตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ยังได้ 3 นักเตะที่เล่นอยู่ในต่างประเทศ นำโดย ธีราทร บุญมาทัน, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เเละกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ รวมทั้งยังมี ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีม ที่ลุ้นลงสนามเกมที่ 100 ในนามทีมชาติ
โดยสื่อมวลชนสายกีฬาของไทย มองว่า เกมนี้ถือเป็นเกมใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง เวียดนาม ทำผลงานได้ดีในเวทีเอเชียในช่วงหลัง หลังจากทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอเชียนคัพ จนมีอันดับโลกเหนือกว่าไทย เกมนี้จึงเป็นเครื่องชี้วัดว่ามาตรฐานของฟุตบอลชาติไหนดีกว่ากันในเวลานี้ เเต่ถือเป็นผลดีของทั้ง 2 ชาติ ที่ได้รับประโยชน์จากการพบกัน
ขณะที่เวียดนาม ภายใต้การคุมทีมของ ปาร์ค ฮัง โซ ชาวเกาหลีใต้ ยืนยันว่าเวียดนาม รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ลงแข่งฟุตบอลคิงส์คัพ ซึ่งเป็นรายการที่เก่าเเก่ เเละเขาต้องการลงเเข่งตั้งเเต่สมัยเป็นนักเตะ โดยการพบกับทีมชาติไทย ถือว่าเป็นงานยากเสมอสำหรับเวียดนาม เเต่ถือเป็นประโยชน์ในการเตรียมทีมสำหรับฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ต่อไป
สำหรับทีมชาติไทย พบ เวียดนาม ลงเเข่งคู่ที่ 2 ในวันพุธที่ 5 มิถุนายนนี้ เวลา 19.45 น. ขณะที่คู่แรก อินเดีย พบ กือราเซา ในเวลา 15.30 น. ซึ่งทุกเกมเเข่งที่สนามช้าง อารีน่า