เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เทนนิสแกรนด์สแลมรายการที่ 3 ของปี 2019 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชิงเงินรางวัล รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท ไฮไลท์อยู่ที่ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง โนวัค โยโควิช แชมป์เก่า และมือ 1 ของโลกชาวเซอร์เบียน พบกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 3 ของโลก จากสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งคู่พบกันมา 47 ครั้งก่อนหน้านี้ และเป็นโยโควิช ที่เหนือกว่าด้วยสถิติชนะ 25 ส่วน เฟดเดอเรอร์ ชนะ 22 ครั้ง ขณะที่การเจอกันในวิมเบิลดัน 3 ครั้ง เฟเดอเรอร์ ชนะได้ในรอบรอง ปี 2012 ขณะที่ โยโควิชชนะได้ในรองชิง ปี 2014 และ 2015
โดยผลการแข่งขันในปีนี้ทั้งคู่สู้กันสูสีเช่นเคย และต้องเล่นกันถึง 5 เซต ก่อนจะรู้ผลแพ้ชนะ โดยในเซตที่ 5 ที่ ต้องตัดสินด้วยไทเบรค ตามกฎกติกาใหม่ (ถ้าเสมอกัน 12-12 จะเล่นไทเบรคทันที ) ซึ่งเป็นโยโควิชที่ทำได้ดีกว่าก่อนจะเอาชนะไปได้ 7-3 ปิดเซตตัดสินที่ดวลกันยาวนานถึง 2 ชั่วโมง
ทำให้สรุปแล้ว โนวัค โยโควิช ที่เฉือนชนะเฟเดอเรอร์ ไปได้ 3-2 เซต คะแนน 7-6 (7-5), 1-6, 7-6 (7-4), 4-6, 13-12 (7-3) ใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง 55 นาที โยโควิช ป้องกันแชมป์วิมเบิลดันสำเร็จ พร้อมกับคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 5 และเป็นการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมส์รายการที่ 16 ในอาชีพ
ส่วนตำแหน่งแชมป์ แกรนด์ สแลม สูงสุด คือ เฟเดอเรอร์ 20 สมัย รองลงมาคือ ราฟาเอล นาดาล 18 สมัย ขณะที่ เฟเดอเรอร์ ยังทำสถิติไม่ชนะ ยอโควิช ในรอบชิง วิมเบิลดัน อีกสมัย
หลังการแข่งขัน โยโควิช ให้สัมภาษณ์ว่า เกมนี้ไม่ใช่งานง่ายเพราะเขาไม่ได้ต่อสู่กับเฟเดอเรอร์เท่านั้น เขายังต้องสู้กับกองเชียร์ที่ส่งเสียงให้กำลังใจเฟเดอเรอร์ทั้งสนาม จนทำให้เขามีสภาพจิตใจย่ำแย่พอสมควร แต่ก็ได้หาวิธีแก้ด้วยการ บอกตัวเองว่า เสียงเชียร์ที่เกิดขึ้นนั้นคือเสียงที่กำลังเชียร์ตัวเขาอยู่
ขณะที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยืนยันว่า เขาไม่รู้สึกท้อแท้ และไม่มีแผนที่จะเลิกเล่นเทนนิสในเวลาอันใกล้นี้แม้ว่าเขาจะมีอายุถึง 37 ปี แล้วก็ตาม