วันนี้ (16 ก.ค.2562) จากกรณีที่มีผู้โดยสารเผยแพร่ข้อความลงสื่อสังคมออนไลน์ถึงการจัดเก็บภาษีสำหรับการนำเข้าของติดตัวผู้โดยสารทางท่าอากาศยานนั้น กรมศุลกากร จึงขอแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับสิทธิของผู้โดยสารในการนำของติดตัวเข้ามาพร้อมกับตนทางท่าอากาศยาน กล่าวคือ ผู้โดยสารได้รับยกเว้นอากรสำหรับของส่วนตัวเพื่อใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นของต้องห้าม ของต้องกำกัด และไม่มีลักษณะทางการค้า
หากผู้โดยสารนำของที่มีมูลค่าเกิน 20,000 บาทหรือเป็นของที่มีลักษณะเชิงพาณิชย์แม้จะมีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท ของดังกล่าวเป็นของต้องเสียภาษีอากร ซึ่งผู้โดยสารสามารถมาสำแดงของเพื่อเสียภาษีอากร ที่ช่องตรวจมีของต้องสำแดง (ช่องแดง) และหากของนั้นเป็นของต้องกำกัด ของนั้นต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน โดยอัตราภาษีอากรนำเข้าจะแตกต่างกันตามชนิดและประเภทสินค้า เช่น กระเป๋า 20% นาฬิกา 5% เครื่องสำอาง 30% เข็มขัด 30% เป็นต้น และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
โดยมีวิธีการคำนวณ คือ ราคาสินค้า x อัตราภาษีขาเข้า = อากรขาเข้า
(ราคาสินค้า + อากรขาเข้า) x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% = ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ค่าภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ = อากรขาเข้า + ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกรมศุลกากรเน้นอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารโดยใช้ระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มาใช้ในการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร
ทั้งนี้ หากผู้โดยสารคิดว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการจัดเก็บภาษีของเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือพบเห็นพฤติการณ์เกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร สามารถร้องเรียนได้ตามช่องทางต่าง ๆ ที่ท่านสะดวก ได้แก่ โทรศัพท์สายด่วนรับเรื่องร้องเรียน 1332 และร้องเรียนผ่านไลน์ @customshearing