นายกฯเนปาลลาออก หลังเจรจาลัทธิเหมาล้มเหลว
นายกรัฐมนตรี "จัลละนาฐ" เป็นผู้เลื่อมใสในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์เช่นเดียวกับกลุ่มลัทธิเหมา แต่ทว่านายจัลละนาฐ ยึดถือแนวทางไม่ใช้ความรุนแรงแบบจับอาวุธขึ้นสู้ โดยนายจัลละนาฐ ได้รับการเลือกตั้งจากรัฐสภาให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ 6 เดือนก่อนพร้อมกับประกาศคำมั่นสัญญาว่า จะสานต่อความพยายามเพื่อทำข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ลัทธิเหมาภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรี "ประจันดา"
นายประจันดา พาพลพรรคออกจากป่ามาเข้าร่วมกระบวนการเมืองในระบบและได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทว่าดำรงตำแหน่งอยู่ได้ไม่นานก่อนประกาศลาออกเมื่อปีพุทธศักราช 2552 โดยสาเหตุมาจากความขัดแย้งกับประธานาธิบดีในเรื่องการควบคุมกองทัพแห่งชาติ
นายประจันดา นั้นต้องการบรรจุพลพรรคนักรบลัทธิเหมาที่มีอยู่มากกว่า 19,000 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังรอคำตอบอยู่ตามค่ายกองโจรในเขตป่าเขา เข้ามาเป็นทหารในกองทัพแห่งชาติ แต่ทว่าฝ่ายประธานาธิบดีและผู้มีความเห็นแย้งต้องการให้นักรบกองโจรเหล่านั้นวางอาวุธและยุบค่ายลงเสียก่อน ซึ่งนายประจันดา ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และ ประกาศเดินหน้าที่จะบรรจุนักรบกองโจรเป็นทหารให้ได้
แม้นายประจันดา จะมีอิทธิพลมากในสภา แต่เนื่องจากขาดเสียงข้างมาก จึงทำให้ความพยายามออกกฏหมายมาบรรจุนักรบกองโจรเข้าเป็นทหารของสาธารณรัฐเนปาลยังไม่ประสบผล ซึ่งทั้งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและภายหลังลาออกมา นายประจันดา ยืนยันที่จะทำตามแนวคิดนี้ให้ได้ ดังนั้นเงื่อนไขที่ขัดแย้งกันนี้จึงเป็นทางตันที่ทำให้นายจัลละนาฐ ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้
นายจัลละนาฐ บอกแต่เพียงว่า ได้แจ้งประธานาธิบดีไปแล้วและขอให้ประชาชนรอฟังประกาศ โดยโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ใบขอลาออกจากตำแหน่งของนายจัลละนาฐถูกยื่นไปยังประธานาธิบดีแล้ว โดยมีเหตุผลว่า ต้องการให้เนปาลมีรัฐบาลผสมชุดใหม่ที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาของชาติได้ รวมถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประธานาธิบดีถือเป็นประมุขรัฐของเนปาลนับตั้งแต่ระบอบกษัตริย์ที่ยืนยงมาหลายร้อยปีถูกโค่นล้มลงเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน
