วันนี้ (5ส.ค.62) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายให้ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด ภายหลังการประชุม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร และจะมีความชัดเจน ภายใน 1-2 วัน
เดินหน้าประกันรายได้
โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้สรุปว่า ราคาพืชแต่ละชนิดควรอยู่ที่เท่าไหร่ สินค้าเกษตรเเต่ละรายการจะมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ เช่นข้าว ชาวนาจะประกันรายได้คนละ30ไร่ต่อรายเป็นต้น
และคาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการโครงการ 16,000 -17,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้พร้อมยันยัน แม้กระทรวงเกษตรจะมีรัฐมนตรีมาจากหลายพรรคการเมือง แต่ทุกนโยบายจะเน้นเกษตรกร
ทุกนโยบายยึดเกษตรกรเป็นหลักแต่คงไม่สามารถทำได้ทันใจทุกเรื่อง แต่ยันทำเพื่อประโยชน์เกษตรกร
นอกจากการประกันรายได้ กระทรวงเกษตรฯ จะเน้นย้ำให้เกษตรกรลดต้นทุน ทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ เพื่อผลักดันการใช้สินค้าเกษตร เพิ่มการใช้ยางในประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงคมนาคม นำน้ำยางไปทำถนนรูปแบบต่างๆ ทำกรวย แบร์ริเออร์ ซึ่งหากมีการใช้ยางส่วนนี้มากขึ้น ก็อาจไม่จำเป็นต้องนำเงินรัฐไปอุดหนุน พร้อมเจรจากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย เพื่อร่วมกันทำให้ยางอยู่ในราคาที่เกษตรกรพอใจ
ปรับค่าเยียวยาภัยพิบัติ
นายเฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรหรือ สศก.ไปคำนวณต้นทุนการผลิตของพืชแต่ละชนิดให้สะท้อนกับภาวะในปัจจุบันเพื่อนำมาพิจารณาปรับอัตราเงินเยียวยาที่เกษตรกรจะได้รับจากความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ โดยอาจจะปรับ จาก 1,113 ต่อไร่เป็น 1,500- 2,000 บาทต่อไร่ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตรฯ เสนอให้ ครม. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้แล้ว
สำหรับผลกระทบภัยแล้งขณะนี้ ยังไม่สามารถจะสรุปตัวเลขความเสียหายที่ชัดเจนได้ เบื้องต้นหากภายใน 30 วันนี้ ไม่มีฝน ก็มีความเป็นไปได้ว่า นาข้าวอาจจะขาดน้ำและเสียหายนับ 10 ล้านไร่ แต่ได้ให้กรมชลประทานวางแผนรับมือไว้แล้ว ซี่งมั่นใจนาข้าวที่อยู่ในเขตชลประทานจะไม่ได้รับผลกระทบ