วันนี้ (8 ส.ค.2562) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการไต่สวนผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ช.กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ควรแสดงต่อ ป.ป.ช.จำนวน 260 ล้านบาทว่า ในกฎหมาย ป.ป.ช.ระบุไว้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ไต่สวน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน มีหน้าที่ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบความถูกต้องและดูพฤติการณ์อื่น ๆ ประกอบในกรณีเข้ารับตำแหน่ง พ้นตำแหน่ง 1 ปี และยื่นทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่น ๆ
นายวรวิทย์ กล่าวว่า การดำเนินการตรวจสอบก็ทำตามกฎหมายที่ระบุว่า การทำงานของ ป.ป.ช.เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล โดยกลุ่มที่ทำหน้าที่เดียวกันจะตรวจสอบกันเองไม่ได้ เช่น หากเป็นพนักงานไต่สวนจะให้พนักงานไต่สวนมาตรวจสอบกันเองไม่ได้ แต่อาจให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกลุ่มตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเป็นผู้มาตรวจสอบ เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินก็จะตรวจสอบกันเองไม่ได้ แต่จะมีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ทำหน้าที่เดียวกัน จัดเป็นกลุ่มพิเศษขึ้นมาดำเนินการตรวจสอบโดยทำหน้าที่เหมือนกับการตรวจสอบเจ้าพนักงานของรัฐ ทุกคนอยู่ในมาตรฐานเดียวกันโดยเฉพาะหากพบว่า เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.กระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
นายวรวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีตรวจสอบพบว่า ผู้บริหารระดับสูงของ ป.ป.ช.ปกปิดบัญชีทรัพย์สินว่า ตามขั้นตอนดำเนินการของ ป.ป.ช.นั้นยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีการพิจารณากันในวันอังคารที่ 13 ส.ค.นี้ ทั้งนี้เป็นรายละเอียดของคดีหากพิจารณาเสร็จแล้วจะแถลงให้สังคมทราบต่อไป แต่ขอย้ำว่า ถึงแม้จะเป็นบุคคลใน ป.ป.ช.เองก็ต้องพิจารณาตามกฎหมาย อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะคนในยิ่งจะต้องเข้มงวดมากเป็นพิเศษเพราะเป็นคนของเราเอง
นายวรวิทย์ กล่าวว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหายังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เพราะถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่