วันนี้ (13 ส.ค.2562) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลในพื้นที่ 44 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำจากภาวะฝนทิ้งช่วง โดยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีโรงพยาบาลใดขาดแคลนน้ำขั้นวิกฤตกระทบต่อผู้ป่วย จึงให้จังหวัดพื้นที่เสี่ยงเตรียมแผนจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ ให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันโรคได้แก่ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ เป็นต้น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เตรียมยาและเวชภัณฑ์ สำรองเก็บกักน้ำไว้ใช้ในงานบริการและการอุปโภคบริโภคของเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ รวมทั้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่และผู้รับบริการในการประหยัดน้ำ
ขณะนี้ มีพื้นที่เสี่ยงสูง 8 จังหวัดได้แก่ จ.เพชรบูรณ์, จ.นครสวรรค์, จ.สุพรรณบุรี, จ.ศรีสะเกษ, จ.นครราชสีมา, จ.ชัยภูมิ, จ.สุรินทร์ และ จ.กำแพงเพชร แต่ละจังหวัดได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำของสถานพยาบาล สำรวจปริมาณการใช้น้ำปกติ และปริมาณการใช้น้ำตามแผนฯ และประสานกับหน่วยงานในจังหวัด อาทิ ทหาร การประปาภูมิภาค บาดาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดหาแหล่งน้ำสำรองให้พอเพียงสำหรับจัดบริการ โดยเฉพาะในหน่วยบริการสำคัญ เช่น ห้องผ่าตัด หน่วยฟอกไต ห้องไอซียู ทั้งนี้ส่วนกลางพร้อมให้การช่วยเหลือสนับสนุน ขอให้แจ้งมายังกองสาธารณสุขฉุกเฉินตลอด 24 ชม.
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ พบว่าโรงพยาบาลสุรินทร์ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) เจาะบ่อบาดาล และหน่วยงานในพื้นที่ในการขนน้ำ จัดหาแหล่งน้ำเพิ่มและได้เจาะบ่อบาดาลแล้วเสร็จ 8 บ่อทำให้มีปริมาณน้ำใช้เพิ่ม 800,000 ลิตรต่อวัน โดยน้ำที่ได้จะผ่านระบบการกรองปรับปรุงคุณภาพน้ำ เพียงพอทั้งห้องผ่าตัด ห้องปฏิบัติการ หน่วยไต และหน่วยบริการอื่น ๆ ทำให้ไม่กระทบต่อบริการประชาชน แต่โรงพยาบาลสุรินทร์ยังคงมาตรการประหยัดน้ำจนกว่าจนกว่าสถานการณ์น้ำประปาในตัวเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงสาธารณสุข กำชับให้สถานพยาบาลทุกแห่งต้องมีมาตรการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอบริการประชาชน ทั้งแผนจัดหา แผนสำรองน้ำ และมาตรการประหยัดน้ำ และให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด