วันนี้ (14 ส.ค.2562) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และศ.กิตติคุณ นพ.ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสนับสนุนสนับสนุนการพัฒนาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ เนื้อเยื่อ และดวงตา ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และสภากาชาดไทย
นายอนุทิน บอกว่า การปลูกถ่ายอวัยวะ เนื้อเยื่อดวงตา เป็นการรักษาที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ลดความพิการ ให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้รอรับอวัยวะมากถึง 6,245 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย 5,930 คน ส่วนผู้รอรับดวงตาประมาณ 12,964 คน แต่สามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้ปีละประมาณ 500-700 คน รวมทั้งปลูกถ่ายกระจกตาได้เพียง 700-800 คน
กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ให้ความร่วมมือกับสภากาชาดไทย โดยให้โรงพยาบาลศูนย์ หรือ รพศ. โรงพยาบาลทั่วไป หรือ รพท. เป็นศูนย์รับบริจาคอวัยวะ พัฒนาทีมผ่าตัดนำไตออกส่วนภูมิภาคอย่างน้อย 1 ทีม พร้อมกับ จัดทำโครงการดวงตาสดใส เทิดไท้ 84 พรรษามหาราชินี เพิ่มการปลูกถ่ายกระจกตาในผู้ป่วยกระจกตาพิการ 8,400 คน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 12 สิงหาคม 2564
"อนุทิน"ชี้อิ่มใจเป็นจิตอาสาขนส่งอวัยวะสู่ผู้รับ
นายอนุทิน บอกอีกว่า การบริจาคอวัยวะเป็นเรื่องที่ดี โดยหัวใจ 1 ดวง ต้องส่งต่อและปลูกถ่ายอวัยวะทันที ภายใน 4 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้หัวใจขาดเลือดนาน และการส่งต่ออวัยวะเกิดประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับ ตับ ต้องเปลี่ยนถ่ายภายใน 6 ชั่วโมง ส่วนปอดต้องภายใน 8 ชั่วโมง และไตภายใน 24 ชม.
แต่อีกปัญหาหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไข และทำความเข้าใจ คือ ปัจจุบันคนยังมีความเชื่อเดิมว่าการบริจาคอวัยวะ จะทำให้ชาติหน้าเกิดมามีอวัยวะที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่จริง การบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งทำให้เกิดมาชาติหน้าเป็นคนที่สมบูรณ์ ร่ำรวย และมีความสุขได้อย่างแน่นอน
ส่วนตัวทำจิตอาสาช่วยขนส่งอวัยวะมา 5 ปี เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องอธิษฐานอะไร ทำแล้วมีความสุขมาก อวัยวะทุกอย่างที่ได้รับมา ตั้งแต่การรับการนำส่งจะมีการดูแลอย่างดี จัดเป็นวีไอพี ยกมือไหว้ตลอด และคิดถึงผู้บริจาคอยู่เสมอว่า หากชาติหน้ามีจริงผู้เสียสละเหล่านี้จะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ช่วยขนส่งอวัยวะไป 26 กรณี ก็จะมีเพื่อนๆ นักบินสอบถามตลอดถึงการช่วยตรงนี้ ดังนั้นหากสามารถร่วมกันทำงานตรงนี้ได้จะเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยล่นระยะเวลาในการขนส่งอวัยวะได้มาก แค่ชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งก็ส่งถึง ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยด้วย
รวมทั้งเชิญชวนคนร่วมทำบุญ บริจาคให้รพ.ต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาและช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไปด้วย โดยเฉพาะการบริจาคเพื่อพัฒนาห้องชันสูตรศพก็เป็นอีกฃส่วนสำคัญที่ยังมีประชาชนให้ความสำคัญน้อย