วันนี้ (15 ส.ค. 2562) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดอาหาร บริบาลน้ำ และสร้างสุขภาวะที่ดีในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ว่าการพัฒนาคนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพต้องเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปฐมวัย เพราะเป็นช่วงเวลาสร้างรากฐานแห่งการพัฒนาในทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ภาษา จริยธรรม และความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งสมองยังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในขวบปีแรก ซึ่งผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีปี 2558–2559 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า 1 ใน 10 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีภาวะเตี้ยแคระแกร็น จากการขาดสารอาหารต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่งผลต่อการพัฒนาสมองและเป็นภาวะที่ไม่สามารถแก้ไขได้
เด็กในกลุ่มครัวเรือนที่ยากจนมากและเด็กที่แม่ไม่มีการศึกษา มักมีภาวะเตี้ยแคระแกร็น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานและมีภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น และยังพบว่าเด็ก 1ใน 10 มีภาวะอ้วน ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชน กทม.
นายสาธิต กล่าวต่อว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับองค์การยูนิเซฟประเทศไทย จัดทำหนังสือแนวทางการจัดอาหาร บริบาลน้ำ และสร้างสุขภาวะที่ดีในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ซึ่งไม่เพียงใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหากรณีที่เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพ แต่ยังมีเกร็ดความรู้เรื่อง การจัดสภาพแวดล้อม หลักการสุขาภิบาล การส่งเสริมสุขภาวะต่างๆ เช่นการดูแลฟัน การตรวจผม-เล็บ แนวทางการจัดกิจกรรมทางกายไม่ให้เนือยนิ่ง รวมไปถึงบทบาทของเจ้าหน้าที่ครูและผู้ดูแลเด็กด้วย
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่ากระบวนการพัฒนาแนวทางฉบับนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้พบปะพูดคุยปัญหาในการพัฒนาอาหาร ภาวะโภชนาการ และความต้องการของครู ผู้ดูแลเด็ก และผู้บริหารของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3 จังหวัด คือ เลย ขอนแก่น และปทุมธานี และผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงปรับให้เข้ากับบริบทของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยของทุกกระทรวงให้มากที่สุด รวมทั้งจัดทำฉบับภาษาอังกฤษ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากองค์การยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคช่วยพิจารณา
นายฮวน แซนแทนเดอร์ รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าวว่ายูนิเซฟได้มีส่วนร่วมในการพัฒนามาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยร่วมกับกระทรวงหลักที่ดูแลเด็กปฐมวัย หนังสือที่เปิดตัวในวันนี้จะเป็นแนวทางให้กับผู้ทำงานด้านเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะครูและผู้ดูแลเด็กให้สามารถจัดอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมสร้างให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง และช่วยแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการและการเจ็บป่วยในเด็กเล็กได้
หากสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีความเข้าใจ ก็จะสามารถเตรียมอาหารให้ถูกหลักอนามัยและใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหนังสือเล่มนี้ ยังช่วยให้ครูสามารถให้คำปรึกษากับผู้ปกครองได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อลูกมีภาวะเตี้ยแคระแกร็นหรืออ้วนเกินเกณฑ์