วันนี้ (18 ส.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง (เช่าเหมา) เกิดอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย และมีผู้เสียชีวิต 11 รายบริเวณทางหลวงหมายเลข 317 (ทล.317) สระแก้ว-จันทบุรีในช่วงเช้าของวันนี้ (18 ส.ค. 2562) ว่าได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปตรวจสอบถึงสาเหตุ และรายงานมาที่กระทรวงคมนาคม โดยข้อมูลเบื้องต้นได้รับรายงานเพียงว่า เกิดจากคนขับหลับใน ส่วนระบบ GPS นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลให้ชัดเจนอีกครั้ง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้มอบนโยบายให้ กรมการขนส่งทางบกไปดูแลเรื่อง การให้บริการรถสาธารณะทุกประเภท โดยเน้นเรื่องความปลอดภัย และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน ตามกฎหมายกำหนด โดยผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนรถให้มีคุณภาพก่อนนำมาให้บริการ
พร้อมขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการให้บริการของรถโดยสารสาธารณะที่ไม่ได้คุณภาพหรือมีข้อร้องเรียนอื่นๆ สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่ www.dlt.go.th เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไข
กรมการขนส่งทางบก จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้ารถไม่พร้อม ห้ามเอาไปให้บริการ ถ้าคนขับไม่พร้อม ก็ต้องเพิกถอนใบอนุญาตทันที ส่วนของประชาชนต้องช่วยกันดู หรือพบว่ารถไม่พร้อมก็อย่าไป เพื่อความปลอดภัย
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวต่อว่า สำหรับสถิติอุบัติเหตุของรถตู้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากผู้ขับยานพาหนะและสภาพแวดล้อมมากถึงร้อยละ 72 และมีสาเหตุจากยานพาหนะเพียงร้อยละ 2.9 เท่านั้น โดยหลังจากนี้ การตรวจสภาพรถ จะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
ส่วนรถตู้เก่าอายุครบ 10 ปี ที่จะหมดอายุระหว่างปี 2563-2572 นั้น มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 15,881 คัน แบ่งเป็น รถตู้หมวด 1 วิ่งกรุงเทพและปริมณฑล รวม 4,799 คัน รถตู้หมวด 2 กรุงเทพ-ต่างจังหวัดทุกเส้นทาง รวม 5,043 คัน รถตู้หมวด 3 วิ่งระหว่างจังหวัด รวม 3,891 คัน และรถตู้หมวด 4 วิ่งภายในจังหวัด รวม 2,148 คัน ส่วนรถตู้หมดอายุในปี 2561-2562 ที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นรถใหม่นั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 1,248 คัน โดยมีรถตู้หมวด 1 และ หมวด 2 มากที่สุด 1,132 คัน