เพราะไม่ใช่แค่บังคับ จับให้ขยับ หากยังทำให้เคลื่อนไหวด้วยกลไกเชื่อมต่อหุ่นเข้ากับเชือกหรือเส้นด้าย จนดูคล้ายกับหุ่นขยับได้เอง นอกจากเป็นวิธีสร้างสรรค์การแสดงที่หลายชาตินำมาใช้กับหุ่นในแบบต่างๆ วิธีเดียวกันนี้ยังมีให้เห็นในศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทย ที่ผู้เชิดทำให้ตัวหนังเคลื่อนไหวราวมีชีวิต
จากหนังหรือหุ่นเบื้องหน้าจึงกลายเป็นที่มาของคำกริยา ว่าด้วยการ "ชักใย" สำนวนไทยใช้เปรียบกับการกระทำที่มีผู้ควบคุมบงการอยู่เบื้องหลัง หรือในบางครั้งยังแสดงถึงอิทธิพลของกลุ่มคนที่ไม่ดี บางทีใช้ว่า "หุ่นเชิด"
ผศ.พิมพาภรณ์ บุญประเสริฐ / อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มศว
ใยก็เหมือนกับเชือกที่จะต้องไม่เส้นใหญ่หรือชัดเจนมากนัก เหมือนว่าหุ่นเคลื่อนไหวไปเองตามธรรมชาติ ชักใยจึงเป็นสำนวนที่มาจากการแสดงหรือการละเล่น เปรียบเทียบพฤติกรรมคนที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ต้องมีคนคอยบอก
นอกจากกริยาการชักเชิดหุ่นในสำนวนไทย ภาษาอังกฤษเองก็มีคำเฉพาะเจาะจงในความหมายเดียวกัน คือการใช้ PUPPET ทั้งในความหมายว่า หุ่น และหุ่นเชิดที่ตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น
อ.ศุภณิจ กุลศิริ / ประธานหลักสูตร ศศ.บ. สาขาภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม มศว
ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษเรามีคำที่ใช้สำนวนเหมือนกันในหลายๆคำ อย่าง PUPPET เป็นคำนาม แปลว่าหุ่น และหุ่นเชิด
รูปแบบการละเล่นที่โดดเด่นของหนังตะลุงหรือหนังใหญ่ ซึ่งในอดีตเป็นมหรสพที่มักลงโรงแสดงก่อนประชุมเพลิง ยังทำให้เกิดสำนวน "หนังหน้าไฟ" ให้ความหมายถึง ผู้ที่คอยออกรับหน้า หรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนก่อนผู้อื่นเป็นอันดับแรก