เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.2562) นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมลุกขึ้นต่อว่าและโห่ไล่เจ้าหน้าที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมบราซิล ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าแอมะซอน ในงานสัปดาห์สภาวะภูมิอากาศละตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งจัดขึ้นในเมืองซัลวาดอร์ ประเทศบราซิล
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมลุกขึ้นต่อว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมบราซิล
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ จาอีร์ โบลโซนาโร ประธานาธิบดีบราซิล ออกมาระบุว่า รัฐบาลบราซิลไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะควบคุมไฟป่าที่กำลังลุกลามเผาผลาญป่าแอมะซอนได้ หลังจากอัตราไฟป่าปีนี้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 83
จาอีร์ โบลโซนาโร ประธานาธิบดีบราซิล
นอกจากนี้ ผู้นำบราซิลยังกล่าวโจมตี เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ผลักดันให้เวทีการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือกลุ่ม จี-7 จัดการกับปัญหาไฟป่าแอมะซอน ว่ามีแนวความคิดและคติแบบลัทธิอาณานิคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้าหลังสำหรับโลกปัจจุบันในศตวรรษที่ 21
เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
โดยผู้นำฝรั่งเศส ระบุว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตการณ์ในระดับโลก เปรียบเสมือนบ้านของเราทุกคนกำลังติดไฟ และป่าที่เป็นปอด เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนกว่าร้อยละ 20 ของโลก กำลังลุกไหม้ จึงเรียกร้องให้ที่ประชุมจี-7 หยิบยกปัญหานี้เป็นประเด็นฉุกเฉินอันดับต้นๆ ในการหารือกัน
ความเห็นของผู้นำฝรั่งเศสสอดคล้องกับ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่า รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ไฟป่าที่ลุกลามกินพื้นที่ป่าแอมะซอนเป็นวงกว้าง ซึ่งท่ามกลางภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน เราจะยอมให้แหล่งออกซิเจนและความหลากหลายทางชีวภาพแห่งใหญ่ของโลกได้รับความเสียหายมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ภาพถ่ายดาวเทียมเหนือทวีปอเมริกาใต้
ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมเหนือทวีปอเมริกาใต้ พบว่า กลุ่มควันจากไฟป่าแอมะซอนขนาดใหญ่เคลื่อนตัวปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ดาวเทียมยังตรวจพบจุดที่เกิดไฟไหม้ขึ้นใหม่ 9,507 จุด ซึ่งส่วนมากอยู่ในแอ่งแอมะซอน ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก