จากกรณีนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงเกิดช็อกหมดสติ ขณะถูกควบคุมตัวภายในหน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 43 ค่าย อิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก่อนมีอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (25 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตซ์ ประเทศไทย โพสต์ทวิตเตอร์ว่า ด่วน! "อับดุลเลาะ อีซอมูซอ" เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หลังอยู่ในอาการโคม่า สมองบวมเพราะขาดออกซิเจนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. เขาหมดสติระหว่างถูกคุมตัวที่หน่วย ท.พ.43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น #ไฟใต้
ด่วน! "อัับดุลเลาะ อีซอมูซอ" เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หลังอยู่ในอาการโคม่า สมองบวมเพราะขาดออกซิเจนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค./ เขาหมดสติระหว่างถูกคุมตัวที่หน่วย ท.พ.43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี / ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น #ไฟใต้ pic.twitter.com/aRxq1EBbG9
— Sunai (@sunaibkk) August 25, 2019
เตรียมติดตามทวงถามคดี
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายโมฮัมหมัด รอฮมัด มามุ พี่ชายของนายอับดุลเลาะ พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมารับร่างจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดในอ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ครอบครัวพูดคุยกันว่า จะติดตามคดีนี้ต่อไป เพราะยื่นเรื่องไว้หลายหน่วยงาน ให้ช่วยติดตามคดีที่น้องชายถูกซ้อมและหมดสติในค่ายทหาร เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เสนอตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผู้ต้องสงสัยหมดสติในค่ายอิงคยุทธฯ
ขณะที่เฟซบุ๊ก Nirundorn Lokna ระบุว่า ทั้งโศกเศร้าเคล้าน้ำตา ทั้งโกรธเกลียดลุกเป็นไฟสุมอยู่ในอกความวุ่นวาย เหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นมานั้น มาจากความวุ่นวายที่มีอยู่ในความคิด มาจากใจที่ไม่สงบลุกขึ้นไปอาบน้ำละหมาด ซึ่งมันสามารถชโลมจิตใจให้เย็นลง แล้วเปิดคัมภีร์อัลกุรอาน อ่านพระดำรัสของอัลลอฮฺ ความว่า
“และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความอธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วที่เสมอกัน” เป็นการเปิดเผยสิทธิของผู้มีศรัทธาในการแก้แค้นเมื่อถูกละเมิด และได้กำหนดกรอบของการแก้แค้นคือการตอบแทนที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นกรอบที่จะไม่ยินยอมให้มีการละเมิด
อ่านต่อไปอีกสักนิด พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า “ดังนั้น ผู้ใดให้อภัยและไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน รางวัลตอบแทนพวกเขาอยู่ที่อัลลอฮฺ”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางคณะแพทย์ แถลงว่า ผู้ป่วยยังไม่ตอบสนอง สมองยังไม่รับรู้ ความดันชีพจรดีขึ้น แต่ม่านตาขยายไม่ตอบสนอง สมองไม่แสดงการตอบสนองใดๆ การรักษาประคับประคอง ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด อาการสมองมีภาวะขาดออกซิเจนในระยะหนึ่ง ประมาน 30 นาที มีภาวะสมองตาย ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆช้าลง และถ้าหายฟื้นขึ้นมาได้ก็อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จากการตรวจสอบร่างกายภายนอกมีรอยถลอกเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่นางซุไมยะห์ มิงกา ภรรยานายอับดุลเลาะ ระบุว่า ได้แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามี เพราะไม่เชื่อว่าอาการสมองบวมเกิดได้เอง และตัดสินใจนำสามีมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เพราะรู้สึกลำบากใจเนื่องจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าสังเกตและถ่ายรูปทุกคนที่มาเยี่ยมบริเวณหน้าห้อง ICU จึงกังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัย