ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เซ็นทรัลฯ ยืนยันได้รับอนุญาตสร้าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” ตามกฎหมาย

เศรษฐกิจ
26 ส.ค. 62
19:28
8,980
Logo Thai PBS
เซ็นทรัลฯ ยืนยันได้รับอนุญาตสร้าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” ตามกฎหมาย
“เซ็นทรัล วิลเลจ” ชี้แจงได้รับอนุญาตก่อสร้างตามกฎหมายทุกขั้นตอน ปลอดภัยตามหลักการบิน พร้อมให้มีการตรวจสอบจากภาครัฐ และยืนยันเดินหน้าเปิดให้บริการตามกำหนดเดิม ระบุไม่เคยมีผู้ใช้ประโยชน์รายใดมาร้องเรียน

วันนี้ (26 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือชี้แจงสื่อมวลชนว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2558-2562) ในการพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ บริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง มีความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ ดังนี้


- ในปี 2558 บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบที่ดินว่าที่ดินดังกล่าวนั้นสามารถพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจได้ตาม พ.ร.บ.ผังเมือง และที่ดินติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ไม่ใช่ที่ดินตาบอดแต่อย่างใด

- ในวันที่ 22 ธ.ค.2559 บริษัทฯ ได้รับหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินตาม พ.ร.บ.ผังเมือง ว่าพื้นที่สีเขียวบริเวณ ก1-10 ของผังเมืองสมุทรปราการ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้บริษัทฯ สร้างโครงการนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

- ในวันที่ 30 ม.ค.2560 และ 25 ก.ค.2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและแบบปรับปรุง ภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

- ในวันที่ 24 เม.ย.2561 ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคาร (อ1) จาก อบต.บางโฉลง 

- ในวันที่ 24 เม.ย.2561 บริษัทฯ ได้แถลงข่าวเปิดตัวครั้งแรกโครงการต่อสาธารณชน


- ในวันที่ 10 เม.ย.2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้การประปา ใช้พื้นที่ไหล่ทางในการดำเนินการวางท่อเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ

- ในวันที่ 24 ก.ค.2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้ทำทางเชื่อมเข้า-ออก ขยายผิวจราจร และปรับปรุงทางเท้า ซึ่งรวมไปถึงไหล่ทางด้วย เช่นเดียวกับที่เคยได้อนุมัติเชื่อมทางให้กับผู้ร้องขอรายอื่นบนถนนสายนี้ทั้งสิ้น 37 ราย รวมถึง ทอท.ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยขออนุญาตจากกรมทางหลวงมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2562 ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท.เดินท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าเคยมีผู้ใช้ประโยชน์รายใดยื่นขออนุญาตเชื่อมทางจาก ทอท.เลย 

- ในวันที่ 14 ส.ค.2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร (อ6) จาก อบต.บางโฉลง

- ในวันที่ 22 ส.ค.2562 ทอท.มาปิดกั้นทางเข้าออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ

- ในวันที่ 31 ส.ค.2562 มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

ยืนยันได้รับใบอนุญาตทุกขั้นตอน

ดังนั้น บริษัทฯ ได้ใบอนุญาตอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนประเด็นที่อาจมีความเข้าใจผิด ทางซีพีเอ็นขอชี้แจงให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง 3 ประเด็น ได้แก่

1. พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ดินราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด ที่ดินที่ราชพัสดุได้จัดหาและมอบให้กรมทางหลวงสร้างเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 และให้กรมทางหลวงเป็นผู้ดูแล เป็นพื้นที่คนละส่วนกับที่ดินที่เวนคืนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท.ดูแล

โดยโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนที่ดินที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 จึงมีการขออนุญาตโดยตรงจากกรมทางหลวง ซึ่งมีอำนาจเต็มในการอนุมัติการเชื่อมทางแต่ผู้เดียวเท่านั้น และพื้นที่ที่กรมทางหลวงดูแลรับผิดชอบ หมายรวมถึง เขตทาง และไหล่ทาง ซึ่งติดกับที่ดินของเอกชน 2 ข้างถนน ซึ่งที่ดินของโครงการมีแนวเขตแนบสนิทต่อเนื่องกับเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ดังนั้น ที่ดินของโครงการจึงไม่ใช่ที่ดินตาบอด

2. บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมืองอย่างเคร่งครัด โครงการนี้ได้ปฏิบัติตามและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว บริเวณ ก1-10 ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว โดยโครงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง ไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด

3. บริษัทฯ ได้ขออนุญาตก่อสร้างในบริเวณพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อย่างถูกต้อง มีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฏใดๆ ทั้งความสูง ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการติดธงแดงตามที่มีการกล่าวอ้าง


จากที่ได้กล่าวข้างต้น เป็นข้อมูลที่ได้มีการเปิดเผย และยินดีให้มีการตรวจสอบจากภาครัฐ เพื่อแสดงความจริงใจ และซีพีเอ็นยินดีให้ความร่วมมือ ชี้แจงในทุกประเด็น บริษัทฯ มั่นใจว่า ภาครัฐจะสามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ เพื่อให้การร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย และเพื่อให้บริษัทฯ ร้านค้ากว่า 170 ร้านค้า และพนักงานกว่า 1,000 คน พร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดการเดิม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง