วันนี้ (28 ส.ค.2562) นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้รับอนุญาตและก่อสร้างถูกต้องถามกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมชี้แจงใน 3 ประเด็นหลัก
ประเด็นแรกคือ พื้นที่โครงการที่ถูกระบุว่ามีการรุกล้ำพื้นที่นั้น ยืนยันว่าพื้นที่โครงการอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 มีการเชื่อมทางเข้า-ออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของรัฐ หรือที่ราชพัสดุและลำรางสาธารณะ และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด
ก่อนหน้านี้ที่ดังกล่าวเคยเป็นที่ราชพัสดุ แต่ได้มอบให้กับกรมทางหลวงสร้างและเป็นผู้ดูแล เพื่อสร้างกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ซึ่งเป็นพื้นที่คนละส่วนกับพื้นที่ดินเวนคืนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท.ดูแล และถนนหมายเลข 370 ถือเป็นทางหลวงสาธารณะ ไม่ใช่ขององค์กรเอกชนใดที่จะมากล่าวอ้างเป็นเจ้าของได้
ซึ่ง ทอท.ก็มีการขออนุญาตจากกรมทางหลวงเพื่อใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน และที่ผ่านมาไม่เคยมีเอกชนที่จะใช้ประโยชน์รายใดยื่นขออนุญาตเชื่อมทางจากทาง ทอท. ล่าสุดวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท.เดินท่อร้อยสายไฟใต้ดินและบ่อพัก
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกับ ทอท. เนื่องจากโครงการอยู่นอกเขตพื้นที่ของ ทอท.และทุกอย่างทำตามระเบียบ มีการขออนุญาต กพท.ที่เป็นหน่วยงานควบคุม ทอท.อยู่แล้ว
ประเด็นที่ 2 กรณีการก่อสร้างโครงการในพื้นที่สีเขียว ยืนยันว่าปฎิบัติตามกฎหมายผังเมืองอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างตามกฎหมายผังเมืองในพื้นที่สีเขียว ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว และไม่เคยมีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด
ประเด็นที่ 3 ที่โครงการอาจรบกวนการบิน ชี้แจงว่า บริษัทฯได้ขออนุญาตก่อสร้างในบริเวณพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเมิดกฏใดๆ ทั้งด้านความสูงและไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และไม่เกี่ยวกับการติดธงแดง
สำหรับประเด็นการกลั่นแกล้งทางธุรกิจ นายปรีชา ระบุว่า ไม่อยากคาดเดาในประเด็นนี้ เพราะไม่ได้มองว่าจะต้องมีการแข่งขันกับใคร โดยยังยืนยันว่า เซ็นทรัล วิลเลจ จะเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค.นี้ พร้อมหวังว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งคุ้มครอง และให้ ทอท.รื้อย้ายสิ่งของปิดทางเข้า-ออก ก็จะสามารถเปิดบริการได้ทัน
แต่หากศาลมีคำสั่งไม่คุ้มครอง ก็มีแผน 2 รองรับไว้แล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยต่อสื่อมวลชน พร้อมยอมรับว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการในโครงการและพนักงานที่ทำงานอยู่ ซึ่งหากข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อธุรกิจมาก ก็จะพิจารณาเดินหน้าฟ้องร้องทางคดี
ส่วนกรณีที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า อาจหาแนวทางในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทนั้น นายปรีชา ระบุว่า ยินดีเสมอในการเจรจา แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการตีความฝ่ายเดียว เพราะถือว่าเป็นการริดรอนสิทธิ์
ทอท.โต้ไม่ได้ได้กลั่นแกล้ง
ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ยืนยันว่า กรณีที่ ทอท.จำเป็นจะต้องออกมาเคลื่อนไหวเป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่ ทอท.ในฐานะโอเปอเรเตอร์ ผู้บริหารจัดการสนามบิน ซึ่งครอบคลุมเรื่องความปลอดภัย ต้องทำเรื่องดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและความถูกต้อง และคนที่ตั้งคำถามระบุว่า ทอท.ปกป้องผลประโยชน์ของใคร ก็ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางธุรกิจ โดยฝากคนที่ตั้งคำถามนี้ควรหาทางออกตามข้อกฎหมายให้ ทอท.ด้วย
ทั้งนี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า ที่ผ่านมาปัญหาการเข้าก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เกิดปัญหาขึ้นในอดีต เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่ราชพัสดุและต่อมากรมทางหลวงได้ขอใช้ประโยชน์ เพื่อตัดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 หลังจากนั้นก็มีเอกชนมาขอเชื่อมต่อทางเข้า-ออก ซึ่งกรมทางหลวงอนุมัติให้ดำเนินการได้ ทั้งที่ข้อกฎหมายเมื่อมีการตัดทางแล้วเสร็จ ควรดำเนินการส่งพื้นที่คืนกรมธนารักษ์และให้เอกชนที่จะเข้าใช้พื้นที่กรมธนารักษ์ ขอพื้นที่เข้า-ออกโดยตรงจากธนารักษ์ ไม่ใช่เชื่อมต่อเอง
นอกจากนี้ประเด็นเรื่อง ทอท.สอบถามไปยัง กพท.เรื่องแบบแปลนการก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ทอท.มีข้อสงสัยหลาประเด็น แต่ กพท.ได้ตอบเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยความสูงอาคารมาเท่านั้น โดย กพท.ยังไม่ได้ให้รายละเอียด ซึ่ง ทอท.จะขอส่งหนังสือให้ กพท.ให้รายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงประเด็นเรื่องการบุกรุกลำน้ำสาธารณะในพื้นที่ก่อสร้าง
เรื่องนี้ ทอท.ได้ประสาน อบต.บางโฉลง เพื่อให้ตรวจสอบ หากพบว่ามีการบุกรุกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่ง ทอท.เป็นผู้บริหารสนามบินสุวรรรภูมิ หากเห็นว่าโครงการทำผิดกฎหมาย ก็จะแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
ขณะที่บริเวณด้านหน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ทอท.ได้ติดป้ายข้อความขนาดใหญ่หน้าทางเข้า-ออก จุดที่เคยใช้เป็นทางผ่านส่งอุปกรณ์ก่อสร้างและสิ่งของร้านค้าที่กำลังจะเปิดให้บริการ โดยระบุข้อความว่า “พื้นที่ในความครอบครองของ ทอท.ห้ามผู้ใดบุกรุก มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด” และอีกป้ายที่ไม่ห่างกันของ ซีพีเอ็น ก็ขึ้นข้อความว่า “โครงการนี้ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดิน มิได้รุกล้ำพื้นที่ผู้ใด”
ขณะที่การจราจรเลนคู่ขนานบางนาตราด-สุวรรณภูมิ หน้าโครงการเซ็นทรัล วิเลจ เคลื่อนตัวช้าและติดสะสมเป็นระยะ เพราะมีรถหลายคันจอดบริเวณไหล่ทาง เพื่อขนอุปกรณ์เข้าไปตกแต่งภายใน ขณะที่ร้านค้าต่างๆ พนักงานต้องจอดรถริมทางเพื่อเข็นอุปกรณ์และขนสินค้าเข้าไปเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถนำรถไปจอดบริเวณที่จอดรถได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทอท.ชี้เจ้าของ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ไม่ขออนุญาต ปัดกลั่นแกล้ง
เซ็นทรัลฯ ยืนยันได้รับอนุญาตสร้าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” ตามกฎหมาย
ทอท.ชี้ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ใช้พื้นที่พลการ ส่อขัดกฎการบินสากล