วันนี้(3 ก.ย.2562) กรมบัญชีกลางได้เปิดชี้แจงผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการ “ชิม ช็อป ใช้” หลังเปิดให้ผู้ประกอบการ ลงทะเบียนมาแล้ว 6 วัน แต่มียอดร้านค้าเข้าโครงการเพียง 2,800 แห่งทั่วประเทศ
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง จึงผ่อนปรนเงื่อนไขการสมัคร จากเดิมกำหนดให้ต้องเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์ เปลี่ยนเป็น ขอแค่มีเอกสารรับรองจากหน่วยงานราชการ และอาจพิจารณาขยายเวลารับสมัครเข้าโครงการ พร้อมประสานคลังจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการ คาดว่า อาจมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการประมาณ 10,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 50,000 ร้านค้า
พี่ไม่ได้เป็นคนกำหนดเป้า 50,000 ร้านค้าเข้าโครงการ
แต่เชื่อว่าหากเพิ่มการประชาสัมพันธ์ และรวมจำนวนร้านธงฟ้า ที่มีเครื่องอีดีซี และร้านธงฟ้าประชารัฐ น่าจะช่วยเพิ่มยอดร้านที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ 10,000 แห่งทั่วประเทศ
นายพร้อมพล ธนบุญสมบัติ ตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้า ที่สนใจเข้าโครงการ ยอมรับว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ กังวลปัญหาการตรวจสอบรายได้จากกรมสรรพากร จึงชะลอการตัดสินใจเข้าโครงการ
ร้านค้าตาสีตาสา เค้าไม่กล้าเข้าโครงการ เพราะเค้ากลัวถูกตรวจสอบภาษีและรายได้ ที่เคยได้ แม้ภาษีที่จ่ายอาจไม่มากอย่างที่กลัว
ขณะที่ นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเดินทางเข้ารับฟังการประชุมชี้แจงแนวทางการเข้าร่วมโครงการ “ชิม ช็อป ใช้” อย่างคึกคัก ซึ่งส่วนใหญ่ กังวลว่า เงื่อนไขการรับและจ่ายเงิน อาจเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของประชาชน เพราะ การรับสิทธิเงินท่องเที่ยว 1,000 บาท ต้องใช้จ่ายกับสถานประกอบการนอกพื้นที่ภูมิลำเนาเท่านั้น อีกทั้งยังจำกัดเวลาใช้จ่ายเพียง 14 วัน
พร้อมยกกรณีศึกษา บริษัทนำเที่ยว ที่จดทะเบียนการค้าในกรุงเทพฯ แต่จัดโปรแกรมท่องเที่ยวต่างจังหวัด หากประชาชนในกรุงเทพฯ ใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตุงชำระค่าทัวร์ ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ เช่นเดียวกับ การชำระค่าจองโรงแรม และ ค่าตั๋วเครื่องบิน ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ หากโทรศัพท์ ที่ลงแอปพลิเคชั่น ของผู้ประกอบการ ลงทะเบียนรับชำระเงินจากสาขาในกรุงเทพฯ
นายยุทธชัย จึงแนะนำให้ ผู้ประกอบการ แจ้งข้อมูลกับลูกค้าอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง และแนะนำให้ บริษัทนำเที่ยว ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ เลือกสาขาในปริมณฑลเป็นตัวแทนบริษัทลงทะเบียนเข้าโครงการ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการรัฐ.