เมื่อวานนี้ (16 ก.ย. 2562) กระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า ทางการซาอุดิอาระเบียจะเชิญผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ รวมทั้งจากยูเอ็นเข้าร่วมการสอบสวนเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันอารามโค เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั่วโลกประณามการโจมตีครั้งนี้
โดยการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า อาวุธที่ใช้ในการโจมตีเป็นอาวุธจากอิหร่านและซาอุดิอาระเบียพร้อมจะตอบโต้การโจมตีดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง
ด้านฮัสซาน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน แก้ต่างว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการแก้แค้นของชาวเยเมน หลังจากที่ถูกรุกรานมานานหลายปี
ขณะที่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือซาอุดิอาระเบียหากจำเป็น รวมทั้งยังเสนอขายระบบป้องกันขีปนาวุธให้แก่ซาอุดิอาระเบียเพื่อใช้ปกป้องประเทศอีกด้วย
ส่วนโฆษกรัฐบาลรัสเซียเรียกร้องให้ประเทศในตะวันออกกลางและประเทศอื่นๆ อย่าเร่งด่วนสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีกันแน่
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า เหตุดังกล่าวแม้จะกระทบตลาดน้ำมันโลกแต่จะไม่ส่งผลต่อสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังเชื่อมั่นในพันธมิตรอย่างซาอุดิอาระเบีย
เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและความมั่นคง ระบุว่า รูปแบบการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในครั้งนี้ ไม่น่าเป็นภัยคุกคามในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการบินโดรนไปตามย่านที่มีโรงกลั่นและคลังน้ำมันในสหรัฐอเมริกาทำได้ยาก ขณะที่โรงกลั่นต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา มีการระงับการผลิตเนื่องจากอุบัติเหตุหรือพายุต่างๆ เป็นประจำอยู่แล้วและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก