วันนี้ (10 ต.ค.2562) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีค่าโง่โฮปเวลล์ว่า คาดว่าจะสรุปแนวทางการชำระค่าเสียหายมูลค่า 12,000 ล้านบาทได้ และพร้อมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินผ่านการกู้เงินซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาแหล่งเงินทุน
รูปแบบการชำระเงินจะขอเจรจากับเอกชนเพื่อผ่อนจ่ายเป็นงวด เพื่อลดภาระทางการเงินของ รฟท.ควบคู่ไปกับการขอลดค่าดอกเบี้ยมูลค่า 13,000 ล้านบาท
สำหรับการยื่นฟ้องศาลกรณีผู้เกี่ยวข้องกับค่าโง่โฮปเวลล์ เป็นคนละคดีกับเรื่องชดเชยเอกชนโดยจะทำควบคู่กันไป ซึ่งมั่นใจว่า จะชนะการฟ้องร้องในครั้งนี้ เพราะมีหลักฐานเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมัดตัวผู้กระทำผิดและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง แต่การยื่นฟ้องจะส่งมอบให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแทนตามเงื่อนไขของกฎหมาย คาดว่าหน่วยงานที่รับดำเนินการจะเป็น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน นายศักดิ์สยามกล่าวว่า มั่นใจว่าทางกลุ่มซีพีจะมาลงนามสัญญาตามที่นัดหมายอย่างแน่นอนในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายแล้วและจะไม่มีการขยายเวลาเพิ่มไปอีก หากยังไม่มาก็ต้องเป็นผู้ทิ้งงานภาครัฐและติดแบล็กลิสต์ ขณะที่เรื่องการชดเชยค่าโง่ทางด่วนนั้นจะมีการเสนอแนวทางดำเนินการและผู้รับผิดชอบเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
ด้านนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า การยกภาระหนี้ค่าโง่โฮปเวลล์ให้ รฟท.รับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวถือว่าไม่ยุติธรรมกับการรถไฟฯ เนื่องจากมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องรวมถึง ครม.ในสมัยนั้น
ขณะเดียวกันโครงการโฮปเวลล์ถูกผลักดันในรัฐบาลชุดเก่าแต่พอรัฐบาลใหม่เข้ามากลับสั่งยกเลิกโครงการ ขณะที่ผู้ว่าการรถไฟฯและผู้บริหาร รฟท.ในสมัยนั้น ถือว่าจำใจต้องทำตามผู้นำทั้ง 2 รัฐบาลเพราะไม่อยากมีปัญหากระทบกับหน้าที่การงานและตำแหน่งตัวบุคคล อีกทั้งภาระค่าโง่นี้ยังซ้ำเติมหนี้สินของ รฟท.ที่มีอยู่นับแสนล้านบาท ส่งผลให้ต้องนำเงินภาษีประชาชนมาจ่ายค่าฟ้องร้อง