วันนี้ (22 ต.ค.2562) นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย อ่านประกาศจากที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้พิจารณาปรับวัตถุอันตรายพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562
คณะกรรมการพิจารณาข้อมูล ประกอบกับผลดำเนินการของกระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณาข้อมูลวิธีการและสารทางเลือกจัดการวัชพืช สารทดแทน โดยเห็นว่าสามารถบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติได้ หากยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 รายการ ส่วนผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอข้อมูลความเป็นอันตรายและการเฝ้าระวังสารตกค้างเกษตร นอกจากนี้ได้นำข้อเสนอจากส่วนที่เห็นด้วย และไม่เห็นในการยกเลิกใช้
โดยคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้ลงมติอย่างเปิดเผย โดยมีมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี ทั้งพาราควอต ครอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต จากผู้เข้าร่วมประชุม 26 คน "พาราควอต" มีผู้ลงคะแนนให้ยกเลิกใช้ 1 ธ.ค.2562 จำนวน 20 คน มีผู้ลงคะแนนให้ยกเลิกใช้ 1 ธ.ค.2564 จำนวน 1 คน และจำกัดการใช้ 5 คน
สำหรับ "คลอร์ไพริฟอส" มีผู้ลงคะแนนให้ยกเลิกใช้จำนวน 22 คน และจำกัดการใช้ 4 คน สุดท้ายคือ "ไกลโฟเซต" มีผู้ลงคะแนนให้ยกเลิก 19 คน และจำกัดการใช้ 7 คน
หลังจากที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ปรับ 3 สารเคมีเกษตรจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 โดยได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ไปดำเนินการยกร่างประกาศกฎกระทรวงว่าด้วยบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น และเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อพิจารณาให้ความเห็นในการประชุมครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ได้ขอให้กรมวิชาการเกษตรไปพิจารณาระยะเวลา ความเหมาะสมในการบริหารจัดการวัตถุอันตรายที่ยังคงเหลืออยู่หลังจากประกาศมีผลบังคับใช้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรกร หรือร้านจำหน่าย เป็นต้น โดยให้รับรองมติในที่ประชุม
ฟ้องศาลปกครองถอดถอนมติแบน 3 สารเคมี
ขณะที่ อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานชมรมกลุ่มคนรักแม่กลอง จ.ราชบุรี ระบุว่า จากมติวันนี้ (22 ต.ค.) จะเดินทางไปยื่นคำร้องขอศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ และจะยื่นคำร้องถอดถอนมติ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาข้อมูลไม่รอบด้านและใช้ข้อมูลเท็จในการแบน 3 สารเคมี
ข้อมูลเท็จเรื่องแรก คดีสารพิษจากแม่สู่ลูก มีการอ้างถึงโรงพยาบาล 3 แห่ง โดยที่แรก ระบุว่า ไม่มีการวิจัยศึกษาเรื่องนี้จริง โรงพยาบาลที่ 2 ระบุว่า ไม่มีเอกสาร และโรงพยาบาลที่ 3 ระบุว่า มีการขออนุญาตแต่ไม่รับผิดชอบ ซึ่งทั้ง 3 แห่งระบุว่า ไม่มีงานวิจัยศึกษาเรื่องนี้จริง เท่ากับว่าเรื่องนี้เป็นเท็จใช่หรือไม่
ขณะที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผลโหวตจะออกมาแบนทั้ง 3 สารเคมี เพราะตัวแทนเกษตรฯ แพ้ กระทรวงสาธารณสุขมีความชัดเจนตั้งแต่แรก อีกทั้งไม่เคยมีใครได้ยินเสียงสะท้อนจากความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยกระทรวงสาธารณสุขนำข้อมูลไม่สมบูรณ์มาพิจารณาแบนสารเคมี และไม่มีร่างหลักการใดๆ มารองรับ
ส่วนนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา มาที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายและส่งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับฟังข้อมูลจาก 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้ฟังความเห็นจาก 4 ภาคส่วนแล้วประชุมโดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งนายกรัฐมนตรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทม์ไลน์สู่เส้นทางแบน 3 สารเคมีเกษตร
เช็กเสียง! โค้งสุดท้ายคณะกรรมการวัตถุอันตราย "ไม่แตกแถว"
ตะลึง! สารเคมีอันตรายเกลื่อนป่าต้นน้ำภูผาเหล็ก
"ไบโอไทย" ชี้มีวิธีกำจัดวัชพืชถูกกว่าใช้สารเคมีเกษตร