กรณีใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปวีดิโอความยาวประมาณ 5 นาที เป็นภาพเหตุการณ์กรณีชายหนุ่มใส่แว่นขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนกับรถกระบะ บนถนนอักษะ โดยมีการลงจากรถมาเจรจาด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ก้าวร้าวด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ จนเป็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก มีข่าวลือว่าชายหนุ่มใส่แว่นดังกล่าวเป็นลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ
วันนี้ (24 ต.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก "สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ" ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวบนหนังสือพิมพ์และในสื่อออนไลน์ว่า มีบุคคลแสดงพฤติกรรมดูถูก ดูหมิ่นเหยียดหยามคนไทยทั้งประเทศ และถูกระบุว่า เป็นลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ ขอเรียนว่า ลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตฯ คนปัจจุบันยังเรียนอยู่เกรด 8 ณ โรงเรียนท้องถิ่นในฟินแลนด์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ชาวบ้านล้อมโรงพัก-ส่งตัวเปรียบเทียบปรับ
เมื่อคืนที่ผ่านมา ครอบครัวของหนุ่มแว่น ได้นำตัวเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม แต่มีประชาชนหลายร้อยคนเดินทางมารวมตัวกันที่หน้าโรงพัก พร้อมกับตะโกนต่อว่าไม่หนุ่มแว่นที่ปรากฎในคลิปดูถูกคนไทย
พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการตำรวจภูธรพุทธมณฑล กล่าวว่า ได้สอบปากคำ รวบรวมพบายหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาครบแล้ว พร้อมกับเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยแม่หนุ่มแว่น กล่าวขอโทษสังคม โดยระบุว่าลูกชายไปศึกษาต่างประเทศนาน ไม่เข้าใจวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศไทย และรักรถที่เก็บเงินซื้อด้วยตัวเอง
มองว่าเป็นเรื่องของการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้ลูกชายมีสภาพจิตที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และอยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่จึงเกิดความเครียด
ทั้งนี้แม่และหนุ่มคนนี้ได้ยกมือขอโทษในระหว่างการให้ปากคำตำรวจ โดยวันนี้ตำรวจจะควบคุมตัวหนุ่มแว่น ไปส่งศาลเปรียบเทียบปรับในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างการพิจารณา
ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Mhurach Wongitcharoensuke ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของหนุ่มนักเรียนนอกโดยผู้โพสต์ระบุว่าขออนุญาตใช้บัญชีนี้โพสต์ พร้อมระบุว่า เป็นคุณน้าของน้องในคลิปดังกล่าว ดิฉันต้องขอโทษทุกท่านแทนหลานของดิฉันด้วยนะคะ
ตอนนี้ทางน้องและครอบครัวได้เข้ามาพูดคุยกับทางตำรวจเรียบร้อยดีแล้วค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลส่วนใดที่น้องผิด ขอให้เป็นไปตามกฎหมายนะคะ ดิฉันกราบขอโทษทุกท่านรวมทั้งสื่อและสถาบันเบื้องสูงด้วยนะคะ และขอร้องพี่น้องทุกคนอย่าด่าว่าคุณแม่ของน้องเลยค่ะ ท่านไม่รู้เรื่องอะไรด้วย หัวอกคนเป็นแม่ สงสารท่านเถอะคะ ดิฉันกราบขอร้องล่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ถูกปลดออกจากบริษัท
บริษัท KASA Development ได้ปลดพนักงานที่ปรากฎในคลิปกรณีโซเชียลโพสต์เหตุการณ์หนุ่มแว่นหัวร้อนใช้ถ้อยคำก้าวร้าวคนไทยและสถาบัน โดยได้มีหนังสือผ่านเฟซบุ๊กของเพจบริษัท ว่าดำเนินการให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานแล้ว