วันนี้ (30 ต.ค.2562) ในการประชุมมอบนโยบายกองทุนหมู่บ้านชุมชน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการชิมช้อปใช้ ไม่ใช่มาตรการแจกเงินโดยไม่สมเหตุสมผลตามที่ฝ่ายค้านโจมตี แต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจูงใจให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยไม่ได้เอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ จึงขอให้กระทรวงการคลัง ดำเนินมาตรการนี้เพิ่มเติมอีก
ขณะที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงฯ ขอเวลาประเมินผลของมาตรการชิมช้อปใช้ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ซึ่งเพิ่งมีผู้ลงทะเบียนเข้าโครงการครบจำนวน 3 ล้านคนวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ก่อนออกแบบและปรับปรุงมาตรการ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการ ชิมช้อปใช้ ระยะที่ 3 ต่อไป
พร้อมระบุว่า แม้มาตรการนี้ จะถูกนักวิชาการ และฝ่ายค้านวิจารณ์ถึงประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงการคลัง น้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย แต่ยืนกรานว่ามาตรการนี้มีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจ เพราะหากไม่ออกมาตรการชิมช้อปใช้ จีดีพีอาจต่ำกว่าร้อยละ 2.8
พร้อมสั่งกรมสรรพากรทำความเข้าใจผู้เข้าร่วมโครงการและร้านค้า จะไม่ถูกตรวจสอบรายได้และการเสียภาษีตามที่กังวล ส่งผลให้การเติมเงินในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ ช่องที่ 2 ยังน้อย
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทย เตรียมขยายผลจากมาตรการชิมช้อปใช้ กับธุรกิจท่องเที่ยว จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
นายอุตตม ยังกล่าวถึงการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า รัฐบาลได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณ สำหรับเติมสวัสดิการด้านการประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ เป็นสวัสดิการใหม่ ที่จะเพิ่มเข้าไปในบัตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย ก่อนเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ต้นปีหน้า
โดยผู้ถือบัตรฯ ทั้ง 14.5 ล้านคน ต้องลงทะเบียนใหม่ ตามเกณฑ์ใหม่ ที่จะพิจารณารายได้แบบครัวเรือน ซึ่งปัจจุบัน นโยบายนี้ ใช้งบประมาณมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท