วันนี้ (7 พ.ย.2562) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้นำพระเครื่องหายากกว่า 10 องค์ โดยหนึ่งในนั้นคือพระกริ่งปวเรศ มูลค่า 50 ล้านบาท ตามที่ได้ยื่นในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สิน ป.ป.ช. โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.ร่วมซักถามด้วย
ภายหลังการซักถามนานกว่า 4 ชั่วโมง นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ต้องการพิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินที่ตัวเองได้ยื่นเอาไว้ และให้ความสนใจซักถามถึงที่มาว่าได้มาจากใคร และประเมินราคาอย่างไร ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าการประเมินราคาเป็นดุลพินิจของแต่ละบุคคล ซึ่งตัวเองได้ประเมินราคาจากพระกริ่งปวเรศเนื้อนวโลหะของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เคยมีผู้ประเมินไว้ว่าอยู่ที่ราคาองค์ละ 30 - 40 ล้านบาท
สำหรับพระกริ่งของผมเป็นเนื้อทองคำ จึงน่าจะมีราคาที่มากกว่า จึงแจ้งในบัญชีทรัพย์สินว่า 50 ล้านบาท ส่วนที่เซียนพระออกมาตั้งข้อสังเกตว่าพระกริ่งปวเรศไม่มีเนื้อทองคำนั้น "เสี่ยกุ่ย รัชดา" นักสะสมพระก็มีพระกริ่งปวเรศทองคำถึง 4 องค์ ดังนั้นความเห็นที่แตกต่างกันของเซียนพระจึงถือเป็นความสวยงามของวงการพระเครื่อง
นายมงคลกิตติ์ ยังระบุด้วยว่า น.ส.สุภา ได้หยิบพระกริ่งปวเรศไปดูโดยบอกว่า รู้สึกมีพลังและรู้สึกถึงบารมีของพระเครื่ององค์นี้ ซึ่งตัวเองตั้งแต่ได้บูชามาก็รู้สึกชนะทุกอย่าง พร้อมยืนยันว่า ไม่กังวลว่าจะถูก ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดฐานแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะการแจ้งเท็จคือจำนวนเข้า-ออกของทรัพย์สินไม่ตรงกัน แต่ในกรณีของตัวเองขายพระเครื่องออกไปก็ต้องเสียภาษีตามรายได้บุคคล โดยพระกริ่งปวเรศนี้เคยมีผู้ติดต่อขอเช่าถึง 40 ล้านบาท
หลังจากนี้จะต้องนำรูปภาพของพระเครื่องอีก 200 รูปที่ได้มาจากการทำบุญ มายื่นเป็นหลักฐานต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม ขณะเดียวกันเตรียมมอบหมายให้ทนายความให้ไปดำเนินคดีเอาผิดกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่กล่าวหาว่าตัวเองหวังฟอกเงินจากการยื่นบัญชีพระเครื่องที่มีมูลค่าสูงด้วย