ปัจจุบันนี้การออกกำลังกาย วิ่งมาราธอนกลายเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัยของคนไทย หลายคนยอมจ่ายเงินสมัครวิ่งแทบทุกสนาม เพราะต้องการสุขภาพที่ดี และได้รู้จักเพื่อนใหม่ในสนามวิ่ง รวมถึงได้ใกล้ชิดนักวิ่งเซเลปชื่อดัง ที่จะมาร่วมวิ่งในสนามใหญ่ๆอีกด้วย และบางคนหากเตรียมตัวฝึกซ้อมาอย่างดี ก็อาจจะได้เงินรางวัลติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
ก้าวแรกของการออกมาวิ่งหลายคนนั้นต่างกัน อาจจะออกมาวิ่งเพราะสุขภาพไม่ดี วิ่งตามเพื่อนก็มี แต่กลับนักวิ่งมาราธอนคนนี้ ที่ทีมข่าวไทยพีบีเอสจะพามาทำความรู้จัก กลับเริ่มวิ่งเพราะ “ไม่อยากตกงาน”
ปฎิเสธไม่ได้ว่านักวิ่งหลายคน ต้องรู้จักนักวิ่งเน็ตไอดอลคนนี้ เขาคือ นายสมเกียรติ จินดากุล วัย 76 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร เจ้าของฉายาคุณตานักวิ่งมาราธอน เริ่มวิ่งตั้งแต่อายุ 50 ปี วิ่งมาร่วม 20 ปีแล้ว เสียเงินค่าสมัครนับครึ่งล้านบาท จุดเปลี่ยน คือการทำงาน
หัวหน้าบอกผมว่า เฮ้ยสมเกียรติต้องแข็งแรงสุขภาพต้องดีนะ จะได้ทำงานไปด้วยกันนานๆ
จากนั้นสมเกียรติก็เริ่มวิ่งทีละก้าว เขาบอกว่าไม่เคยเสียดายเงิน สมัครวิ่งมาราธอนนับครึ่งล้าน เพราะมันคุ้มค่ากับสิ่งที่เขาได้รับมา การวิ่งทำให้เขาไม่ตกงาน แม้อายุจะ 76 ปี แล้ว แต่บริษัทยังเลือกจ้างงานต่อ เพราะสุขภาพยังแข็งแรงดี ไม่เป็นภาระของเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
การออกมาวิ่งทำให้ผมไม่ตกงาน ปัจจุบันนี้บริษัทยังจ้างงานผม ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัท ช.การช่าง ซึ่งผมยังทำหน้าที่ได้ดี ลูกน้องเห็นก็ชวนกันมาออกกำลังกายตาม
ไม่ว่าสนามวิ่งจะใกล้หรือไกล สมเกียรติบอกว่า จะพยายามไปวิ่งทุกสนาม เขาผ่านการวิ่งมามากกว่า 1 พันสนามแล้ว ได้รับเหรียญมากมาย รวมทั้งโล่รางวัล จากการวิ่งเข้าเส้นชัยติด 1 ใน 5 รุ่น 70 UP ส่วนระยะที่ลงวิ่ง คือ มินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที สมเกียรติบอกว่า ถึงจะวิ่งช้า แต่วิ่งจริงไม่มีโกง ไม่มีเดินลัดสนาม ไม่เคยหยุดระหว่างทาง แม้ทุกสนามที่เข้าร่วมวิ่งจะเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายตลอด
ผมจะอยู่จุดสตาร์ทเป็นคนแรก ๆ เพราะผมรู้ยังไงผมก็เข้าที่โหล่ ถ้าผมอยู่ท้ายสุด ก็จะยิ่งช้าไปใหญ่ และรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ทุกคนให้กำลังใจ ปรบมือให้ แม้จะเป็นคนสุดท้าย
ทุกวันนี้สมกียรติยังคงวิ่งทุกวันเช้าและเย็น ก่อนไปทำงานจะตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง วิ่ง 1ชั่วโมง หลังจากเลิกงานก็จะวิ่งอีก 1 ชั่วโมงทำทุกวัน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ออกเท่าที่ร่างกายรับได้ ไม่กดดันตัวเอง จากการพูดคุยกับไทยพีบีเอส เขายังจำได้อย่างแม่นยำ ไม่มีหลงลืม ทำให้ทุกครั้งที่ออกจากบ้านไปวิ่งกับเพื่อนๆ ครอบครัวไม่เคยกังวล เพราะเชื่อว่าไม่มีการหลงลืม หรือเป็นโรคอัลไซเมอร์ เหมือนกับผู้สูงอายุในวัยเดียวกันมักประสบปัญหานี้
แม้จะผ่านมากว่าพันสนามแล้ว แต่มีอีกหนึ่งสนามที่สมเกียรติบอกว่า อยากจะร่วมวิ่งสักครั้งในชีวิต คือ อยากมีโอกาสวิ่งร่วมกับ “ตูน บอดี้สแลม” โครงการก้าวคนละก้าว เนื่องจากตูนเป็นรุ่นน้องสวนกุหลาบ จึงอยากจะร่วมวิ่งในเส้นทางเดียวกัน เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างโรงพยาบาล และซื้ออุปกรณ์การแพทย์