ยิ่งใกล้เส้นตายแบน 3 สารเคมี ภาครัฐยิ่งออกอาการโลเล เพราะอะไรนะหรือ ? ก็เพราะไม่มีแผนรองรับทั้งการระบายสต๊อกที่ค้างท่อในหมู่ผู้ค้าและเหลือคามือชาวนา-ชาวไร่
ที่เดือดร้อนหนักคือกลุ่มที่เคยใช้ยาฆ่าหญ้าตระกูล "พาราควอต" ที่ยังไม่มีสารทดแทน จะมีก็แต่เจ้าอื่นอย่าง "กลูโฟซิเนต" ที่ใช้แทนกันได้แต่ราคาสูงกว่าลิ่ว
แต่ภาครัฐจะดันให้คนใช้สารตัวนี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็โดนโยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน!
ทางลงอันเป็น "ทางเลือก" ให้กับภาครัฐ เลยหนีไม่พ้นการดัน "จุลินทรีย์" กำจัดวัชพืช ที่หลายยี่ห้อโฆษณาสรรพคุณฆ่าหญ้า-แต่ไม่ฆ่าคน
ทันทีที่มีมติแบน 3 สาร เมื่อ 22 ต.ค. กระทรวงเกษตรฯ เลยตั้งโต๊ะกลมหาทางออกใน 1 สัปดาห์ถัดมา มี 1 บริษัทยืดอก ยื่นเอกสารงานวิจัยให้กระทรวงเกษตรฯ ตรวจ คือ บริษัทวอน ซิสเต็มส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ "ไบโอกรีนเสท" ที่สกัดจากสาหร่ายทะเลน้ำลึก
เอกชนเจ้านี้ อ้างว่าเป็นจุลินทรีย์เข้มข้น 100% และทดลองใช้มาแล้ว ไม่เชื่อก็ลงไปดูได้ที่ บ้านดอนกล่ำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
กระทรวงเกษตรฯ จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะมีทางลง เพราะว่ากันว่าราคาค่างวดของ "ไบโอกรีนเสท" ไม่ต่างจากยาฆ่าหญ้ายี่ห้อดังที่มี "พาราควอต"
เล่ากันว่าวงประชุมวันที่ 28 ต.ค. อื้ออึงไปด้วยเสียงโต้เถียง แต่ล่าสุด ไทยพีบีเอส ไปล้วงข้อมูลจากแล็บที่ตรวจในประเทศ ที่สำคัญเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ด้วย
หวยออก! แทบดับฝันกระทรวงเกษตรฯ เพราะตรวจแล้ว "ไบโอกรีนเสท" ผลิตภัณฑ์ของบริษัทวอน ซิสเต็มส์ จำกัด เคยตกเป็น 1 ใน 7 ตัวอย่าง ที่ "สารวัตรเกษตร" ล่อซื้อ-สุ่มตรวจ (ค้นโรงงานผลิตไบโอกรีนเสท จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 18 ต.ค.2562)
"ไบโอกรีนเสท" มี "พาราควอต" อยู่ถึง 2.158%
พูดแล้วจะหาว่าโจมตีอยู่เจ้าเดียว แต่ผลการตรวจสอบรอบนี้ 7 ตัวอย่าง พบว่ามีถึง 5 ตัวอย่าง ที่มี "พาราควอต" ปนอยู่ในจุลินทรีย์ที่ขายในตลาด
เช่น 3 ตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ "จ๊าบ" พบว่ามี 2 ตัวอย่างที่มี "พาราควอต" ผสม 2.556% และ 2.85% ตามลำดับ
ไม่แปลก! ถ้าคนใช้แล้วจะติดใจเพราะหญ้าตายเรียบ เพราะมันมี "พาราควอต" หรือหญ้าฆ่าหญ้าที่ท่านเชื่อว่าอันตรายผสมอยู่นี่ แต่ที่ไม่ตรงปกก็คือบรรดาสรรพคุณที่กล่าวอ้าง "จุลินทรีย์ 100%" ไฉนพบ "พาราควอต" อยู่ 2% กว่าๆ ละนะ
พูดไปพูดมาเหมือนว่า "ไทยพีบีเอส" จะเล่นลิ้น ไม่แบนก็ไม่ได้ ครั้นจะหาทางลงด้วย "จุลินทรีย์" ก็มาโจมตีกันเสียนี่
เปล่าเลยครับ... เจตนาของผู้เขียน คือประเทศไทยจะเดินต่อยังไงถ้าเราแบน 3 สารไปแล้ว
ไม่ใช่ 3 สารเคมีที่เคยอยู่ "บนดิน" หายไป แต่กลับมา "ยัดไส้" อยู่ในจุลินทรีย์ หลอกชาวบ้านว่าไม่มีสารพิษ ไม่เป็นอันตราย แต่ "ตายผ่อนส่ง" เหมือนเดิม
ผลพวงจากการแบน 3 สารเคมี แบบปุ๊บปั้บ! จึงเหมือน "หนีเสือปะจระเข้" หนียาฆ่าหญ้า แต่ดันมาเจอจุลินทรีย์ "ยัดไส้"
คราวเคราะห์ จะโทษดิน-โทษฟ้าไม่ได้ แต่ต้องโทษ "คนตัดสินระดับนโยบาย" แต่จะแก้ได้ก็ด้วยคนในระดับกุมนโยบายเช่นกัน การอ้างแบนสารเคมีเพื่อสุขภาพประชาชนนั้นฟังขึ้น แต่การ "ยัดทางเลือก" ที่ท่านๆ เชื่อว่าดีให้กับมือประชาชนอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
อย่างรอบนี้ เกือบยัดยาฆ่าหญ้าผสมพาราควอตใส่มือคน แทบไม่ต่างจาก 3 สารเคมี "ผีตัวเดิม" ที่ท่านเคยแบนไปนั้นแล
เตือนอีกครั้ง! ถ้าความตั้งใจของท่าน ทำไปเพราะคุณภาพชีวิตคนนั้นย่อมฟังขึ้น แต่ด้านหนึ่งชาวไร่-ชาวนา ก็ต้องมี "ทางเลือก" ที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปด้วย
แหม่... แต่ไล่เรียง "ทางเลือก" ที่ท่านจัดลิสต์รอบแรกนี้น่ากลัวเหลือเกิน อย่างผลตรวจข้างต้นก็ชัดเจน แค่ชื่อแรกๆ ก็เจอยัดไส้เสียแล้ว
หรือจะมีอะไรมากกว่านี้ หรือจะมี "คน" พยายามยัดทางเลือกพวกนี้ใส่มือคน... โปรดติดตามตอนต่อไป