วันนี้ (9 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิชาการกังวลกับการบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่ไทย กรณีจับตัวภรรยาและลูก ของผู้นำกองกำลังอาระกัน AA. ที่รีบร้อนเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรง หรือ การก่ออาชญากรรม ซึ่งจะกระทบด้านความมั่นคงของประเทศในระยะยาว รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษย์ชน เนื่องจากมีการควบคุมตัวเด็ก ล่าสุดทั้งหมดถูกนำตัวไปเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อรอการชี้ขาดของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
บรรยากาศในสำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันนี้คึกคัก เนื่องจากเป็นวันแรกของการทำงาน และไม่พบการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่องค์กรด้านสิทธิมนุษย์ชนระหว่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคง ที่ก่อนหน้าเวียนเข้าสอบถามความคืบหน้ากรณีการจับตัว ภรรยาและลูกวัย 11 ปี และ 1 ขวบ ของผู้นำกองกำลังอาระกัน ชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลเมียนม่า ในพื้นที่รัฐยะไข่ หลังมีกระแสข่าวว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำตัวออกจากบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร เมื่อวานนี้ เพื่อรอการตัดสินใจของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่นัดประชุมในวันจันทร์นี้
ท่าทีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีจับตัวภรรยาและลูก อีก 2 คน ของผู้นำกองกำลังอาระกัน และเตรียมส่งให้ทางการเมียมา สร้างความกังวลให้กับองค์กรด้านสิทธิมนุษย์ชนระหว่างประเทศ และ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ว่าจะทำให้ สถานการณ์สู้รบในรัฐยะไข่รุนแรงกว่าเดิม รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เนื่องจากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้ได้จับกุมญาติของผู้นำกองทัพอาระกัน ที่ถือสัญชาติเมียนมา ส่งให้ทางการเมียนมา โดยให้เหตุผลว่า สร้างความกังวลด้านความปลอดภัยให้กับประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ก็ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
ผศ.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์ประจำสำนักวิชาการเมือง และการปกครอง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า กังวลกับการบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่ไทยที่รีบร้อนเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรง หรือ การก่ออาชญากรรม ซึ่งจะกระทบด้านความมั่นคงของประเทศในระยะยาวและเรื่องสิทธิมนุษยชน เนื่องจากมีการควบคุมตัวเด็กไว้ด้วย
หลังเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวภรรยาพร้อมลูก 2 คน นาย ข่าย ตุ๊ คะ โฆษกกองกำลังกองกำลังอาระกัน หรือ AA ได้ออกมากล่าวว่า เป็นการจงใจหรือเจตนาโดยมิชอบ สถานการณ์เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ประเด็นของการจับตัวคงไม่ได้จบเพียงเท่านี้ และทางการเมียนมาต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
