วันนี้ (30 ม.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ "สมุนไพรอภัยภูเบศร" เน้นย้ำประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยันฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น แต่ใช้เมื่อเป็นหวัด เน้นป้องกันตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกระแสความสนใจของประชาชนต่อสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่เผยแพร่ข้อมูลผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจ "สมุนไพรอภัยภูเบศร"
โดยประชาชนได้สอบถามเข้ามามากมาย ถึงสรรพคุณและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจร รวมถึงประสิทธิผลในการรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาได้จริงหรือไม่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้โพสต์เฟซบุ๊กอธิบาย โดยมีรายละเอียดดังนี้ คือ "ฟ้าทะลายโจร" เป็นสมุนไพรที่หลายประเทศ ทั้งในสแกนดิเนเวีย จีน อินเดีย ไทยใช้ มีความปลอดภัย ในส่วนประสิทธิผลนั้นยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสอู่ฮั่น เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่
ช่วยต้านหวัด-ลดอักเสบที่ปอด-เพิ่มภูมิคุ้มกัน
แต่หากพิจารณาจากอาการนั้น ผู้ป่วยจะมีอาหารเหมือนเป็นหวัดทั่วๆ ไป และแยกออกจากหวัดทั่วไปได้ยาก การมีเครื่องมือให้ประชาชนดูแลตนเองจึงมีความสำคัญ เพราะฟ้าทะลายโจรช่วยต้านหวัด ลดการอักเสบที่ปอด เพิ่มภูมิคุ้มกัน และยังมีสิทธิบัตรในการต้านไวรัสซาร์ส สุดท้ายในแง่การพึ่งตนเอง ฟ้าทะลายโจรปลูกง่าย ใช้ง่าย อีกทั้งยังเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประชาชนเข้าถึงง่าย บุคลากรทางการแพทย์มีองค์ความรู้ในการดูแลความปลอดภัยและประสิทธิผลที่ดี จึงนำเสนอสมุนไพรนี้มาให้ความรู้กับประชาชน
แต่อย่างไรก็ตาม การป้องกันโดยเฉพาะไวรัสอู่ฮั่น นั้นเป็นความจำเป็นสูงสุด ที่ต้องดำเนินการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด และใช้ฟ้าทะลายโจรเมื่อเป็นหวัด ในกรณีป้องกันหวัดอาจทำได้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ผู้ใหญ่-เด็ก 12 ปี กินนาน 3 เดือน ลดหวัด
โดยขนาดยาที่ใช้ในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี สำหรับป้องกันหวัด ใช้ขนาดต่ำ หรือหวังผลเรื่องการเสริมภูมิคุ้มกัน (ยังไม่มีอาการของหวัด) รับประทานวันละ 1 เม็ด 5 วันต่อสัปดาห์ (อาจกินวันเว้นวัน) ต่อเนื่อง 3 เดือน สามารถลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33% ในงานวิจัยใช้ ความแรงของสารสำคัญ andrographolide 11.2 มิลลิกรัมต่อวัน ฟ้าทะลายโจร 400 มิลลิกรัม 1 แคปซูลมีปริมาณสารสำคัญดังกล่าวประมาณ 24 มิลลิกรัม
ภาพ : เฟซบุ๊ก
ส่วนการรักษาหวัด (มีอาการแสดงของหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ ไอ) ให้ใช้ ฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 1.5 กรัม หรือ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ไม่ควรใช้เกิน 14 วัน สามารถหยุดยาได้เลยทันที เมื่ออาการดีขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ดื้อยา
เด็กเล็ก ห้ามกินเกินวันละเม็ด-ไม่เกิน 10 วัน
สำหรับการใช้ฟ้าทะลายโจรในเด็ก พบรายงานการใช้สาร andrographolide 10 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง คิดเป็น 30 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่าผงยาฟ้าทะลายโจรประมาณ 500 มิลลิกรัม หรือวันละ 1 แคปซูล เป็นเวลา 10 วัน รักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจชนิดไม่รุนแรง ในเด็กอายุ 4-11 ปี พบว่าให้ผลการรักษาที่ดี (บรรเทาอาการของโรคหวัด ได้แก่ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ หายใจไม่ออก เจ็บคอ คอแห้ง ปวดหัว ไข้ น้ำมูกไหล การบวมคั่งในจมูก อาการลดลงตั้งแต่วันที่ 3 ของการใช้ฟ้าทะลายโจร) และมีความปลอดภัยในการใช้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในระยะยาวในเด็กอายุ 4-11 ปี ดังนั้นไม่แนะนำให้กินเกินวันละเม็ด และไม่เกิน 10 วันในเด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี
ขนาดที่ทำใช้เอง ครั้งละ 1-3 ใบ วันละ 4 เวลา
สำหรับขนาดที่แนะนำ เมื่อทำใช้เอง ใช้ครั้งละ 1-3 ใบ วันละ 4 เวลา โดยอาจเคี้ยวสด หรือชงน้ำร้อน ส่วนยาลูกกลอน นำใบฟ้าทะลายโจรล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง ควรผึ่งในที่ร่ม ที่มีอากาศโปร่ง ไม่แนะนำให้ตากแดด บดเป็นผงละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาเม็ดลูกกลอน เก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด กินครั้งละ 1.5 กรัม (3-4 เม็ด) วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน เพราะยาจะเสื่อมคุณภาพได้ผลข้างเคียงที่พบได้
หากรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เวียนหัว ใจสั่น ควรหยุดยา หากจะกลับมาใช้ใหม่ต้องลดขนาดการใช้ลงจากเดิม หากยังมีอาการเดิมเหมือนทุกครั้งเมื่อกลับมาใช้ยาแล้วไม่สามารถทนอาการไม่พึงประสงค์ได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ และหากมีอาการแพ้ยา เช่น ปากบวม หน้าบวม ตาบวม แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ผื่นขึ้น ให้หยุดใช้ยาทันทีและห้ามกินฟ้าทะลายโจรอีก
ระวังใช้ "ฟ้าทะลายโจร" ในคนที่มีความดันต่ำ
“ฟ้าทะลายโจร มีผลลดความดันโลหิต ระวังการใช้ในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน มึนงง หน้ามืด การใช้ขนาดสูง ติดต่อกันเวลานาน อาจทำให้สมดุลร้อนเย็นในร่างกายเสีย เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็น อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ย แขนขาชา หากใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาไข้หวัดติดต่อกัน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นจากอาการไข้ชนิดใดและปรับการรักษา ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร”
จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพโดยรวมด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุกใหม่ ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้สดพื้นบ้านปลอดสารพิษ ก็เป็นหนทางที่ยั่งยืนของการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน