วันนี้ (8 ก.พ.2563) นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ นายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตนกำลังพาครอบครัวไปยังห้างเทอร์มินอล 21 เพื่อไปรับประทานอาหาร ภรรยาตนเห็นรถจักรยานยนต์ล้มลง จึงพูดว่าทำไมรถล้มลงแต่ม่มีใครเข้าไปช่วย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มีคนวิ่งหนีออกมา ตนจึงเลี้ยวรถกลับออกมา และจอดรถดูครู่หนึ่งก็เห็นคนวิ่งร้องออกมาอีกหลายคน
ต่อมาจึงทราบว่า มีคนไล่ยิงคนจากในห้าง ล่าสุดเวลา เวลา 20.00 น. ได้สอบถาม รปภ.ห้างดังกล่าว ทราบว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งในชั้นดังกล่าว เป็นฟู้ดแลนด์ ฟิตเนต และร้านขายอาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมอยู่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา รับแจ้งทางวิทยุว่า เกิดเหตุชายอ้างว่าเป็นทหาร สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา บุกเข้ากราดยิง พ.อ.อนันต์ ภูโรจน์กระแสร์ อายุ 48 ปี ที่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 3 บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นของผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุ
จากนั้น ยิงนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1 ต.ช้างมิ่ง อ.พนัสนิคม จ.สกลนคร มารดาของ พ.อ.อนันต์ จนเสียชีวิตทั้งสองคน และยิงนายพิทยา แก้วพรม ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะขับรถเก๋งสีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีเข้าไปยังกองพันกระสุนที่ 22 แล้วกราดยิงพลทหารบาดเจ็บ 1 นาย และเสียชีวิต 1 นาย พร้อมกับขโมยรถฮัมวี่ ของหน่วยฯ ขับหลบหนีออกไปซึ่งมีอาวุธสงครามเป็นปืนเล็กยาวเอสเค พร้อมเครื่องกระสุน และปืนพกสั้นอีก 6 กระบอกอยู่ในรถด้วย
จากนั้นผู้ก่อเหตุหลบหนีไปทาง วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา ก่อนจะขับออกไปประตูด้านหลังของวัด ซึ่งในช่วงนี้ได้ใช้อาวุธสงครามที่ติดมากับรถ กราดยิงประชาชนเสียชีวิตเบื้องตัน 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
จากนั้นขับหลบหนีเข้าเมืองอีกครั้ง ก่อนขับรถเข้าไปที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดเฉพาะกิจได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุอย่างกระชั้นชิด ทำให้ไม่สามารถขับหลบหนีต่อไปได้ แต่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ ได้กันประชาชนไม่ให้เข้าออกจากศูนย์การค้าฯ อย่างเด็ดขาด
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากความขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ครอบครัวของผู้บังคับบัญชาผู้ก่อเหตุทำธุรกิจอยู่