วันนี้ (26 ก.พ.2563) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กรณีถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ โดยระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจ สมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกฯ ได้ ซึ่งทุกคนทั่วโลกเห็นว่าไม่เป็นธรรม แต่ก็ต้องยอมรับ
จากนั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จึงเริ่มลุกขึ้นประท้วง ตามด้วยนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า อภิปรายนอกประเด็นและขอให้เข้าเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งประธานสภาฯ วินิจฉัยว่าเป็นการใช้เวลาของฝ่ายค้าน แต่ขอให้เกริ่นพอประมาณ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า คนไทยให้ความสำคัญต่อการถวายสัตย์ฯ และต้องการผู้นำบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์ และต้องเปร่งวาจาด้วยถ้อยคำที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เท่านั้น
ต่อมา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า ประเด็นการถวายสัตย์ฯ นั้น วิปทั้ง 2 ฝ่าย ได้หารือแล้วว่า เกิดก่อนการบริหารราชการแผ่นดิน และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยอภิปรายไปแล้ว อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ แจ้งแล้วว่าไม่อนุญาตให้อภิปรายประเด็นนี้
เวลา 10.55 น. พรรคร่วมฝ่ายค้านหลายคน ประท้วงประธานสภาฯ ขอให้มีเอกสารชัดเจนว่าอภิปรายประเด็นอะไรได้หรือไม่ได้, การทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ขณะที่ น.ส.ปารีณา ประท้วงประธานสภาฯ ว่า ศาลวินิจฉัยปมถวายสัตย์ฯ แล้ว แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังจะอภิปรายประเด็นดังกล่าว
เวลา 11.00 น. ประธานสภาฯ ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เกริ่นก่อนเข้าอภิปรายพอประมาณเท่านั้น ถามกลับว่า เป็นการเกริ่นปมถวายสัตย์ฯ ใช่หรือไม่ เนื่องจากไม่อนุญาตให้อภิปรายฯ ประเด็นนี้เชิงลึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลานี้ สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล ต่างลุกขึ้นประท้วงกันไปมา ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สามารถอภิปรายปมถวายสัตย์ฯ ได้หรือไม่ ซึ่ง นายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานที่ประชุม ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถอนคำพูดว่าทำหน้าที่ประธานสภาฯ เป็นหรือไม่ เพราะมีพฤติกรรมดูถูกประธานฯ หลายครั้ง และที่ผ่านมาให้อภัยมาโดยตลอด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยอมถอนคำพูด "ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นหรือไม่" และชี้แจงว่าประเด็นที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ปมถวายสัตย์ฯ แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดก่อนการบริหารราชการ แต่เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล สามารถอภิปรายย้อนไปได้ตั้งแต่เกิด อีกทั้งไม่เคยทราบข้อตกลงวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลที่จะไม่อภิปรายประเด็นนี้
เวลา 11.25 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทย ประท้วงประธานสภาฯ ว่า ต้องอภิปรายเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น เนื่องจากเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ระบุสภาพบุคคลก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง หรือการเข้าสู่ตำแหน่ง หากมีที่มาไม่ชอบ ก็สามารถอภิปรายได้ และขอให้ประธานฯ เปิดกว้างในประเด็นนี้
ด้านนายศุภชัยกล่าวว่า การหารือของวิปทั้ง 2 ฝ่าย ได้พูดคุยว่า ประเด็นใดอภิปรายฯ ได้บ้าง ต่อหน้านายชวน หลีกภัย ซึ่งได้วินิจฉัยชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้อภิปรายปมถวายสัตย์ เพราะเกิดขึ้นก่อนการบริหารราชการแผ่นดิน, มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งข้อบังคับข้อที่ 69 ชัดเจนอยู่แล้ว
จากนั้น เวลา 11.34 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับมาอภิปรายอีกครั้ง หลังการประท้วงจากพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านยืดเยื้อนาน 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้แจงย้อน เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2562 อภิปรายปมถวายสัตย์ฯ กระทั่งนายกฯ ตัดพี่ตัดน้องกับตน และมีจดหมายจากรองประธานสภาฯ ขอพบตน กับนายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรค เพื่อต่อรองไม่ใช่เอกสารและคลิปในการอภิปราย ซึ่งได้รอจนถึง 03.00 น. ก็ไม่ได้พูดและปิดการประชุม
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาลได้ปิดกั้นตนไม่ให้อภิปรายประเด็นนี้ มาครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่คำวินิจฉัย ซึ่งต่อมาฝ่ายค้านได้อภิปรายปมถวายสัตย์ฯ ได้ แต่นายกฯ ไม่เคยตอบคำถามประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัยก็ยังคงยืนยันไม่อนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายปมถวายสัตย์ฯ โดยระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ทำผิดข้อบังคับ หากยังยืนยันอภิปรายประเด็นนี้ ขอให้ออกจากที่ประชุม
จากนั้น เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงกล่าวปิดท้ายว่า สุภาษิตบอกว่าคนเราหลอกคนอื่นได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้ แต่ท่านนายกฯ นี่ตรงกันข้าม หลอกคนอื่นไม่ได้ เขารู้กันหมดว่าถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ แต่ท่านนายกฯ กลับหลอกตัวเอง สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เริ่มอภิปรายเวลา 10.30 น. แต่ระหว่างที่อภิปรายเกิดการประท้วงเกิดขึ้นถึง 35 ครั้ง ในช่วงเวลา 10.30 – 12.00 น. ทั้ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน