วันนี้ (27 ก.พ.2563) สำนักข่าวเอ็นเอชเค รายงานว่า เจ้าหน้าที่จังหวัดโอซากา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 วัย 40 ปี ที่ได้รับการรักษาจนหายและออกจากโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 อีกครั้ง
สำหรับหญิงคนดังกล่าว เป็นไกด์นำเที่ยวซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองโอซากา ซึ่งเธอต้องอยู่บนรถบัสที่มีนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองอู่ฮั่น ในช่วงกลางเดือน ม.ค. และมีผลทดสอบเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นบวก เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่เธอจะเข้ารับการรักษาจนหายเป็นปกติ และได้รับการทดสอบว่าปลอดเชื้อไวรัส COVID-19 เมื่อวันที่ 6 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา หญิงวัย 40 ปี คนดังกล่าวกลับมีอาการเจ็บคอและหน้าอก หลังเข้าพบแพทย์หลายครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบเชื้อไวรัส COVID-19 ให้เธออีกครั้งและมีผลเป็นบวก ยืนยันว่า เธอติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2
รายงาน ระบุอีกว่า หญิงคนดังกล่าวสวมหน้ากากและพักอยู่ที่บ้านหลังได้รับการรักษาจนหายและออกจากโรงพยาบาล ซึ่งเธอไม่ได้ไปทำงานหรือติดต่อกับใคร โดยขณะนี้เธอได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจังหวัด เจ้าหน้าที่เขตปกครอง คาดการณ์ว่าไวรัส COVID-19 อาจเหลืออยู่ในตัวเธอหรือเธออาจติดเชื้อซ้ำอีกครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ หากมีแอนติบอดีไม่เพียงพอ อาจติดเชื้อซ้ำได้
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยโอซากา ระบุว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสจะพัฒนาแอนติบอดี ดังนั้น พวกเขาจึงมักจะสามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อซ้ำด้วยไวรัสตัวเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม หากมีแอนติบอดีไม่เพียงพอ บุคคลนั้นอาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อซ้ำหรือติดเชื้อไวรัสที่ตรวจไม่พบในร่างกายใหม่ได้
ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ยืนยันว่า กรณีหญิงวัย 40 ปี คนนี้นับเป็นผู้ป่วยรายแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 โดยแม้ว่ากรณีนี้จะเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น แต่มีรายงานอดีตผู้ป่วย COVID-19 ติดเชื้อซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในประเทศจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว ท่ามกลางการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่รวดเร็วทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ
ทั้งนี้ สำนักข่าวเอ็นเอชเค ยังรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น รายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็น 894 คน โดยเป็นผู้ที่มีอาการรุนแรง 51 คน ในจำนวนนี้ 36 คน เป็นผู้โดยสารจากเรือสำราญไดมอนต์ปรินต์เซส และมีผู้เสียชีวิต 7 คน ขณะที่มีผู้มีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 32 คน