วันนี้ (29 ก.พ.2563) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงพื้นที่ติตตามสถานการณ์และการป้องกันไฟป่า จ.เลย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของ ทส.และผู้ว่าราชการจังหวัดเลย โดยได้เดินเท้าขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังเกิดไฟป่าจนสร้างความเสียหายกว่า 3,400 ไร่
วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานฯ ภูกระดึง ว่า นับตั้งแต่วันแรกที่เกิดไฟป่าภูกระดึง (16 ก.พ.) เจ้าหน้าควบคุมไฟป่าและเจ้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การควบคุมไฟทำได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้สามารถดับไฟป่าได้แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นอีกครั้งด้วยการทำแนวกันไฟ โดยได้รับความร่วมมือในการขนอุปกรณ์และรถไถฟาร์มแทรกเตอร์มาช่วยทำแนวกันไฟ ซึ่งทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แรงงานคนที่เข้าถึงพื้นที่เกิดไฟป่าได้ยากและเสี่ยงอันตราย
เจ้าหน้าที่ได้ทดลองใช้เครื่องจักร-เครื่องมือทำแนวกันไฟ ซึ่งได้ผลดี ลำพังใช้แรงงานคนทำได้ยากมาก เพราะพื้นที่แคบ ไฟกระโดด ตอนนี้สถานการณ์น่าพอใจ แต่ยังต้องเฝ้าระวัง
ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
นอกจากนี้ยังทำแนวดำรอบตอไม้ที่เกิดไฟไหม้ไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาได้อีก ควบคู่กับการลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมงบนภูกระดึง ส่วนพื้นที่ด้านล่างได้ประกาศขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้เข้าพื้นที่อุทยานฯ เนื่องจากช่วงนี้เกิดความแห้งแล้งมากและเป็นการลดสาเหตุต้นเพลิงเกิดไฟป่า ขณะที่ปีนี้มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 600 มิลลิเมตรเท่านั้น จากเดิมอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร ประกอบกับสภาพแห้งแล้งและร้อนจัด จึงต้องช่วยกันฟื้นฟูป่าภูกระดึงให้กลับมาโดยเร็ว ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวส่งผลกระทบไม่มาก เพราะช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวน้อยลงและส่วนใหญ่เป็นคนไทย
ขณะเดียวกันมีตัวแทนชาวบ้านกลุ่มรณรงค์สร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง ได้เข้ามาพบนายวราวุธ โดยยืนยันว่าต้องการให้มีกระเช้าภูกระดึง เพราะจะช่วยแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาไฟป่าที่เกิด หากมีกระเช้าเชื่อว่าจะช่วยขนคนขึ้นไปดับไฟได้ รวมทั้งเรื่องการจัดการขยะที่ถูกฝังกลบบนภู เรื่องนักท่องเที่ยว ซึ่งชาวบ้านผักดันมามากกว่า 10 ปี แต่ยังไม่สามารถก่อสร้างได้
ด้านนายวราวุธ รมว.ทส. ตอบกับตัวแทนชาวบ้านว่า การสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะทำอย่างไรให้อยู่อย่างยั่งยืน ซึ่งหัวใจสำคัญคือหากพัฒนาแล้วจะต้องรักษาเอกลักษณ์ของภูกระดึง รักษาความเป็น จ.เลย และรักษาวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นเอาไว้
การทำกระเช้าดีดนิ้วแป๊บเดียวกระเช้าก็มาแล้ว ปักเสาไม่กี่ต้น แต่หัวใจสำคัญที่สุดคือการจะทำอย่างไรให้ภูกระดึงเป็นอยู่อย่างนี้ 30 ปีก็อยู่อย่างนี้ การพัฒนาที่ดีที่สุดคือการพัฒนาให้อยู่อย่างยั่งยืน