วันนี้ (9 มี.ค.2563) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) ชี้แจงกรณีโรงพยาบาลของรัฐขาดแคลนหน้ากากอนามัย พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้มีปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนสำหรับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ โดยที่ประชุม ครม.ได้จัดลำดับความสำคัญใหม่โดยจะจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อนและรณรงค์ให้ประชาชนที่ไม่ป่วยให้ใช้หน้ากากผ้า โดยกระทรวงมหาดไทยได้รับคำสั่งจาก ครม.ให้ผลิตหน้ากากผ้าจำนวน 50 ล้านชิ้นเพื่อแจกให้กับประชาชน นอกจากนี้ตนเองยังได้สั่งให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ผลิตหน้ากากผ้า จำนวน 1.3 ล้านชิ้นเพื่อแจกให้ประชาชนในพื้นที่ในกรณีที่ไม่ป่วย
ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย สำหรับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ได้หารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากเดิมที่กระทรวงสาธารณสุขได้โควตาวันละ 300,000 ชิ้น และกระทรวงสาธารณสุขต้องจัดสรรให้โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลนักเรียนแพทย์ และคลินิกเอกชน ซึ่งได้ขอให้จัดสรรโควตาเพิ่มเนื่องจากได้รับจัดสรรน้อยเกินไป โดยได้รับการจัดสรรเพิ่มจาก 300,000 ชิ้น เป็น 700,000 ชิ้นต่อวัน จากกำลังการผลิต 1,200,000 ล้านชิ้นต่อวัน
ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมได้จัดสรรให้จัดส่งตามจำนวนทั้งหมดเพื่อไม่ให้สูญหายโดยให้ผู้ตรวจ 12 เขต สำรวจสต็อก 12 เขต โดยผู้ตรวจต้องจัดสรรให้โรงพยาบาลในแต่ละเขตอย่างเหมาะสม และรอหน้ากากอนามัยชุดใหม่ถูกส่งมาเพิ่มเติม ทั้งนี้หากแพทย์และพยาบาลยังพบปัญหาขาดแคลนให้ร้องเรียนมายังตนเองเพื่อจะได้หารือกับผู้ตรวจราชการกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทุกวันนี้ หน้ากากอนามัยถูกส่งมาครบตามจำนวนและได้ลำเลียงส่งไปยังผู้ตรวจการเขต เขตละ 30,000 ชิ้นทุกวัน โดยกระจายไปในแต่ละโรงพยาบาลอย่างเหมาะสม ผมมีความเชื่อมั่นว่าภายใน 2-3 วันนี้ หน้ากากอนามัยจะถูกลำเลียงไปยังทุกหน่วยบริการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อไปถึงยังผู้ปฏิบัติงานบริเวณหน้างานได้อย่างแท้จริง
นายสาธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ประเมินแล้วว่าแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ใช้หน้ากากอนามัยวันละประมาณ 300,000 ชิ้น เพราะเจ้าหน้าที่บางส่วนไม่ใช้หน้ากากอนามัยเช่น ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่ใช้หน้ากากผ้าได้ โดยมีจำนวนหน้ากากอนามัย จำนวน 300,000 - 400,000 ชิ้นต่อวันไม่รวมสต็อกที่มีอยู่จึงมั่นใจว่า หากสามารถกระจายและจัดสรรไปได้ภายในวันวันพุธนี้ (11 มี.ค.) เป็นต้นไปหน้ากากอนามัยของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จะไม่ขาดแคลน ขณะที่โรงเรียนแพทย์และเอกชนได้รับจัดสรรโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านกระทรวง และหากพบบุคคลใดที่ทำไม่ดี และนำวิกฤตมาฉวยโอกาสหาประโยชน์ให้กับตนเอง หากพบเป็นบุคลากรของกระทรวงจะดำเนินการเอาผิดเต็มที่
หากพบมีการร้องเรียนว่า บุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขลอบนำหน้ากากอนามัยออกไปขายจะดำเนินการจัดการเต็มที่
รมช.สาธารณสุข ยังกำชับว่า ต้องการให้บุคลากรทางการแพทย์ มีหน้ากากอนามัยใช้ ไม่ได้สั่งห้ามโพสต์ ซึ่งสาเหตุที่มีการโพสต์เพราะไม่มีหน้ากากอนามัยใช้จึงต้องโพสต์ซึ่งเราก็ต้องไปเติมให้เขามีใช้เพียงพอ กรณีนี้เข้าใจและเห็นใจ เพราะการไม่มีหน้ากากอนามัยใช้นั้นมีความเสี่ยงต่อบุคลากร
นายสาธิต ยังกล่าวถึงกรณีคนไทยที่เดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 80 คน โดยให้เวลา 3 วัน ในการเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ขณะนี้ได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปพบตัว 18 คนและยังเหลืออีกประมาณ 62 คน จึงขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่ในจังหวัดที่มีภูมิลำเนา และหากอยู่ใน กทม.ให้ไปพบเจ้าหน้าที่ที่กรมควบคุมโรคหากไม่มาจะถูกดำเนินคดี ตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับโดยขอแจ้งไปยังแรงงานผิดกฎหมายที่เดินทางมาไทยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา ให้มาพบเจ้าหน้าที่ด้วย