วันนี้ (17 มี.ค.2563) นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย กรุงเทพฯ จำนวน 2 ราย โดยเป็นการจับกุมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยในห้างเซ็นเตอร์วัน 1 ราย ข้อหากระทำความผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา และจับกุมบริษัทตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยย่านบางขุนเทียน 1 ราย ขายหน้ากากอนามัย ชิ้นละ 3 บาท แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม
ส่วนต่างจังหวัด จำนวน 8 ราย ได้แก่ จ.หนองบัวลำภู, สุรินทร์ และสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย ทั้ง 3 ราย ขายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 13-25 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม จ.อุบลราชธานี 4 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย ข้อหาขายเกินราคาควบคุม และขายแพงเกินสมควร 2 ราย และ จ.ปทุมธานี 1 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและขายแพงเกินสมควร
ขณะที่สถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดจนถึงวันที่ 16 มี.ค.2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวม 159 คน แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 95 คน และในต่างจังหวัด 64 คน นอกจากได้จับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังได้ตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย
ภาพ : รัฐบาลไทย
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงได้เน้นย้ำเรื่องการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม หากพบขายแพงเกินสมควรก็มีความผิดในข้อหาขายสินค้าแพงเกินสมควรตามมาตรา 29 จึงขอให้ผู้ค้าสินค้าทั้งหลายห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ในข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน
หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย หากพบเห็นผู้กระทำผิด โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์