วันนี้ (3 เม.ย.2563) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แจ้งวาระที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยขอนำเสนอด้วยตนเอง คือ
การขอบรรจุข้าราชการเพิ่มเติม จากที่เป็นพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 จำนวน 45,684 คน จากจำนวนบุคลากรประเภทนี้ที่อยู่ในสาธารณสุขประมาณ 160,000 คน
นายอนุทินกล่าวว่า บุคลากรเหล่านี้ล้วนเป็นบุคลากรวิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีทักษะ และได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ประเทศควรจะต้องรักษาให้ระบบการสาธารณสุข สามารถคงจำนวนบุคลากรเหล่านี้ ให้อยู่ในระบบอย่างยั่งยืน
ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ของกลไกราชการ บุคลากรเหล่านี้มีสภาพเป็นเพียงพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐ กระทรวงสาธารณสุขใช้เงินบำรุงของแต่ละโรงพยาบาล มาว่าจ้างทำให้เกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านของบุคลากรในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า เพราะเมื่อมีข้อเสนอที่ดีกว่า จากภาคส่วนอื่น ๆ เขาก็ต้องไปทำงานในที่ที่มีรายได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ต้นทุนในการฝึกฝนทักษะรัฐได้เป็นผู้ลงทุนไว้
เมื่อมีสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ในครั้งนี้ ได้เห็นการทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของบุคลากรสาธารณสุขเหล่านี้ ที่เข้าไปต่อสู้รักษาป้องกันอย่างสุดความสามารถ ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยต่อคนในชาติ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเชื้อซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าโรค COVID-19 นอกจากจะคร่าชีวิตผู้ป่วยเป็นจำนวนมากแล้ว ยังเป็นโรคที่คร่าชีวิต แพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขมากที่สุดด้วย
การปรับสถานะให้พวกเขาได้มีความมั่นคงในอาชีพการงาน จะทำให้คุณภาพของงานบริการผู้ป่วยได้รับการยกระดับอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่ค้างคามานาน ต้องใช้อำนาจทางการบริหารเท่านั้น ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาได้ บุคลากรเหล่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะทางเป็นสายอาชีพ ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยคนสายอื่นหรือเครื่องจักรได้
ที่นำเสนอมานี้ไม่ใช่เป็นการมาขออัตราเพิ่ม แต่เป็นการทำให้ระบบมีความสมบูรณ์ และอย่างน้อยคำว่า “ข้าราชการ” ก็จะทำให้มีความภาคภูมิใจในวิชาชีพของพวกเขา สามารถทดแทนทางเลือกที่จะไปทำงานในภาคส่วนอื่น เนื่องจากมีความมั่นคงและมีเกียรติยศ
สิ่งที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ เป็นการเตรียมความพร้อมของระบบการสาธารณสุขของประเทศ ให้มีความมั่นคงยิ่งกว่าเดิม เมื่อผ่านพ้น COVID-19 นี้ไปได้ จะมีบุคลากรสาธารณสุขที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ความพร้อม และศักยภาพในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ในอนาคต
และที่สำคัญที่สุดจะเป็นการสร้างฐานที่มีความมั่นคงทางการสาธารณสุข ที่พร้อมให้การดูแลสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้
โดยข้อเสนอนี้จะสามารถสร้างความมั่นคงให้บุคลากรสาธารณสุขเป็นจำนวนมากและเป็นการยกระดับ เสริมรากฐานที่มั่นคงของระบบสาธารณสุขให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยผลลัพธ์ที่ได้มาคือ กระทรวงสาธารณสุขจะมีบุคลากรที่เข้มแข็งมากด้วยประสบการณ์และความชำนาญ ถือเป็นสิ่งที่จะได้กลับมาจากการมีสถานการณ์ COVID-19 ในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความพยายามและความทุ่มเทต่าง ๆ ที่พวกเราใส่ลงไปไม่สูญเปล่า